วันพฤหัสบดีที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

หุ้นลงจนงง ทำอย่างไรต่อดี


สวัสดีครับเพื่อนๆ นักลงทุน หุ้นปรับตัวลงมาเยอะมากในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมานี้  พร้อมกับข่าวคราวสารพัดระดับมหภาคเข้ามา เช่น การเพิ่มดอกเบี้ย การหยุดมาตรการ QE สงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน ล้วนมาหลังหุ้นตกแล้วเป็นส่วนใหญ่  แต่สำหรับผมที่มีธุรกิจส่วนตัวอยู่ด้วยแล้ว เราเห็นตลอดเวลาว่าบรรยากาศการค้าขายเป็นอย่างไร  หุ้นที่ขึ้นไปในระดับ 1,800 จุดทำให้ P/E ของตลาดพุ่งสูงเกินไป สุดท้ายก็คงต้องปรับตัวลงมา เป็นสิ่งที่พอจะคาดเดาได้อยู่แล้ว ข่าวต่างๆ นั้นมาทีหลัง ตามเคยแหละครับ

แล้วทำไงต่อ

ถ้าถามผมว่า หุ้นจะลงต่อไหม (หมายถึงดัชนี) ผมไม่ทราบหรอกครับ แต่ถ้าเราเหลียวมองหุ้นของบริษัทดีๆ ขนาดใหญ่ๆ ที่ลดราคาลงมามาก มีหลายบริษัทเริ่มน่าสนใจ P/E ไม่เกิน 12 จ่ายปันผลสม่ำเสมอไม่น้อยกว่า 5% (ดีกว่าดอกเบี้ยธนาคารตั้งหลายเท่า) หรือบริษัทที่เล็กกว่าแต่มีอนาคตและถูกกว่านั้นก็มีให้เลือกอีก

ซื้ออย่างไร

เวลานี้ หุ้นลงมา แล้วขยับขึ้น มันจะ sideway ก่อน ก่อนที่จะขยับขึ้นจริงๆ จังๆ (ธรรมชาติมีกเป็นแบบนั้น) หลายคนยังคงกังวลกับข่าวต่างๆ เช่น สงครามการค้า ซึ่งโดนส่วนตัวแล้วผมรู้สึกเฉยๆ เพราะทุกคน (ประเทศ) ก็ต้องปรับตัวไปจนได้  และแน่นอน หุ้นมีขึ้นลงของมัน ไม่ด้วยข่าวนี้ ก็ด้วยข่าวนั้น เสมอ สุดท้าย ธุรกิจก็เติบโตไปตามพื้นฐานของมัน สำคัญที่สุด ไม่มีประเทศไหนอยู่ได้ด้วยตัวเอง คนที่พยายามอยู่เองก็ ล้าหลัง ยากลำบาก  อย่างฟากสหรัฐอเมริกา ประธานาธิปดีทรัมป์ พื้นฐานเป็นนักต่อรองตัวยง ตอนนี้แต่ละข้างแค่พยายามเอาของที่มีมาขู่อีกข้างหนึ่งเท่านั้นเอง ที่แน่ๆ คือ ทั้งสองข้าง ไม่ยอมเป็นฝ่าย lose ทั้งในผลแบบ lose-lose และ lose-win แน่นอนครับ เพียงแต่ win-win นั่น ใครจะ win มาก หรือ win น้อย เท่านั้นเอง

หุ้นลงมาแล้วพอสมควร ผมไม่ได้บอกว่ามันจะหยุดลงนะครับ เพราะผมไม่รู้หรอกครับ แต่มีหุ้นพื้นฐานดีๆ จำนวนมากที่ลดราคาลงมามาก จนมีอัตราเงินปันผล 5% ขึ้นไป  ทำให้น่าสนใจเพราะ เมื่อดัชนีกลับขึ้นไป หุ้นเหล่านี้ก็น่าจะปรับราคากลับขึ้นไปด้วย  ส่วนหุ้นที่ ตลอดเวลาที่ดัชนีขยับลงมาร้อยกว่าจุดอย่างนี้แต่ไม่ขยับลงมาเลย แบบนี้เวลาดัชนีขึ้นก็คงไม่ค่อยขึ้นไปไหนต่อ แน่นอนว่าทั้งสองอย่างนั้นมีข้อยกเว้นและไม่สามารถคาดเดาได้อย่างแม่นยำนะครับ ดังนั้นเราก็ต้องเลือกหุ้นให้ดีที่สุด และวางแผนจัดการ ความเสี่ยงให้ดีครับ