สองสามวันท้ายของสัปดาห์ที่ผ่านมา จะเห็นว่านักลงทุนต่างชาติ เริ่มขายน้อยลง ซ้ำในบางวันเป็นผู้ซื้อสุทธิเสียด้วยซ้ำไปนะครับ อีกอย่างหนึ่งที่สังเกตเห็นคือ นักลงทุนสถาบันเริ่มกลับเข้ามาซื้ออีกครั้งหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าจะมีเลห์กลอะไรไหม เช่นดันดัชนีขึ้นไปก่อน แล้วแอบ s เอาไว้เป็นต้น เรียกว่าคิดแบบคนขี้ระแวงกันเลยทีเดียว เรื่องแบบนี้ท่านที่ซื้อขาย future อยู่อาจจะต้องสนใจเป็นห่วงสักหน่อย แต่สำหรับนักลงทุนที่เจาะจง (Focus) หุ้นเป็นตัวๆ ไปก็คงต้องจัดการดูแลจำเพาะหุ้นของตัวเอง พอมาถึงช่วงท้ายตลาด น้องมาร์คนสวย โทรมา... (ตกใจหมด)
น้องมาร์คนสวย: "พี่คะ ดิ่งแล้ว ยิงกันแล้ว"
ผม: "เดี๋ยวก่อนคุณ ใครยิงใครที่ไหน แล้วเกี่ยวอะไรกับลูกดิ่ง" (ว่าไปนั่น)
น้องมาร์คนสวย: "ชายแดนค่ะ เขมรกับไทยยิงกัน เมื่อกี้นี้เอง ทีวีเพิ่งออกข่าว"
ผม: กำลังมึน จริงๆ นั่งทำงานไป หลับไปอะ "เหรอครับ อืม เดี๋ยวขอเปิดจอดูก่อน"
คือแบบว่า หลับจนเครื่องมัน standby พอเปิดเครื่องได้ เห็นราคา
ผม: "อ่อ ลงเฉพาะตัวใหญ่ๆ นี่ ก็ขึ้นมาเยอะก็แบบนี้ ตัวที่ผมอยากได้เพิ่มไม่เห็นลง"
น้องมาร์คนสวย: "ใช่ค่ะ ตัวใหญ่ๆ โดนทิ้ง"
ผม: "เอาไว้ก่อนละกันครับ เดี๋ยวขอดูก่อน ยังไงจะโทรไปนะครับ"
จังหวะนั้นหุ้นเริ่มรีบาวด์ จาก +3.82 ไป +4.06 ผมเลยเฉยๆ หลับต่อดีกว่า เอิ๊ก
นี่คือข้อดีของการมีเจ้าหน้าที่การตลาดครับ ผมไม่เคยคีย์ซื้อขายหุ้นเองเลยสักครั้ง แต่ว่าผ่านเจ้าหน้าที่ตลอด เพราะว่าไม่ได้ซื้อขายทุกวัน บางท่านอาจจะเกรงใจ ไม่ทันใจ (เพราะตั้งเข้าออกบ่อย หรือมีจำนวนรายการมาก) เลยเลือกที่จะคีย์เอง ก็เป็นความสะดวกไปอีกรูปแบบหนึ่ง
จริงๆ แล้วช่วงท้ายตลาดวันนี้ ถ้าหุ้นที่อยากซื้อเพิ่ม ราคาลดลงมา ก็จะซื้อล่ะครับ ไม่เคยกลัวเพราะว่ามั่นใจในศักยภาพของการเติบโตของบริษัทที่เราได้เลือกแล้ว (ถ้าไม่โลภ และบริษัทแข็งแกร่งมีเกราะป้องกันทางธุรกิจ ที่เติบโตตลอดสัก 10% ขึ้นไปต่อปี ROE อย่าให้ขี้เหร่สัก 13% ขึ้นไป หุ้นที่ราคาไม่แพงมี p/e ไม่เกิน 12-13 และมีหนี้สินน้อย เจ๊งยาก จ่ายปันผลได้ดี 50-70% ของกำไร ซื้อได้เกือบทุกตัวล่ะครับ) แต่นี่ไม่ขยับเลย เขียวอีกต่างหาก ก็เลยทำใจนั่งดูต่อไป ก็ขอให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลายลงไปและไม่มีใครเป็นอะไรนะครับ
บทความวันนี้ (5 ก.พ. 54)
เรื่อง "เกราะป้องกันธุรกิจ"
คลิ๊กที่ "การลงทุนโดยพิจารณามูลค่าของบริษัท (Value Investment)" ทางด้านขวามือครับ
