มีบางช่วงของเวลา ที่ตลาดเกิดอาการที่เรียกว่า ผันผวน โดยเฉพาะเวลาที่ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมากๆ แล้วและนักลงทุนบางประเภทที่เงินหนา (เช่นนักลงทุนกลุ่มต่างชาติ และสถาบัน) ทำงานขายหุ้นออกเพื่อทำกำไรที่แท้จริง ช่วงนี้ดัชนีก็จะปรับตัวลดลง จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง จะเริ่มมีเสียงบ่นจากผู้ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์บางส่วนถึงคำว่า "ติดดอย" สำหรับคำนิยามของคำว่า "ติดดอย" นี้คงไม่ต้องบอกอะไรมากไปกว่าอาการที่ซื้อหุ้นแล้ว ราคาได้ลดต่ำลงๆ เรื่อยๆ และเรื่อยๆ จนกระทั่งจุดที่เข้าไปซื้อหุ้นนั้นกลายเป็นราคาที่สูงมาก แม้แต่ทั้งที่จริงๆ แล้วราคาที่ซื้อนั้น ไม่ได้สูงที่สุด (เพราะได้พยายามรอซื้อเมื่อหุ้นได้ปรับตัวลดราคาลงมาบ้างแล้ว) แต่ก็ยังคงเป็นราคาที่สูงมากอยู่ดีจึงเรียกว่า "ติดดอย" ได้
แต่ประเด็นของการซื้อหุ้นแล้วราคาลดต่ำลงมา คงไม่ได้อยู่ที่ความเจ็บใจ หรือจังหวะที่ไม่ดีเพียงอย่างเดียว หากแต่คำถามที่สำคัญกว่าอยู่ที่ ติดแล้วได้อะไร เปรียบไปก็เหมือนกับการที่เราติดเกาะ หรือติดอยู่บนดอยสูงๆ แต่หากเป็นดอยที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้เขียวขจี อากาศเย็นสบาย มีอาหารอุดมสมบูรณ์ พวกเราหลายๆ คนก็คงต้องการที่จะติดอยู่บนดอยนั้นนานๆ ใช้เวลาพักผ่อนให้เต็มที่ วันดีคืนดี ค่อยมีเพื่อนฝูงมาเยี่ยมเยือน พักผ่อนค้างอ้างแรมกับเราบ้างเป็นบางที ซ้ำยังอาจจะนำขนมหรือของใช้มาฝากบ้างเป็นของกำนับ จริงไหมครับ แต่เหตุการณ์ที่ว่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็เกิดจากการที่เราจะต้องเลือกสถานที่ที่เหมาะสม เผื่อว่าวันหน้าสถานที่นั้นกลายเป็น ที่ดอน หรือ ดอย ขึ้นมา เราก็จะได้ยังคงอยู่ได้อย่างเป็นสุข และรอเพียงเพื่อนๆ ของเราที่จะมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว
หากเราย้อนมองดูกันจริงๆ ผู้ซื้อขายหุ้นที่ซื้อหุ้นที่ราคาสูง และราคาหุ้นลดต่ำลงเรื่อยๆ แล้วเดือดร้อนจริงๆ นั้น จะมีลักษณะที่คล้ายกันอยู่อย่างหนึ่งคือ เข้าซื้อหุ้นโดยไม่ดูผลตอบแทนและพื้นฐานของหุ้นนั้น เช่นเข้าซื้อที่ราคาซึ่งมีอัตราส่วนของ P/E สูงมากๆ (โดยทั่วไปมักเกิน 20 เท่า) และปันผลจ่ายต่ำกว่าร้อยละ 3 โดยที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในอนาคตมีควาไม่แน่นอนสูง หรือซื้อตามข่าวว่าจะดีอย่างนั้นอย่างนี้ หุ้นเหล่านี้ เรียกได้ว่าเมื่อผู้ถือหุ้นเข้าซื้อแล้ว และราคาตกต่ำลง การถือเอาไว้ก็แทบจะไม่ได้ผลตอบแทนอะไร เนื่องจากปันผลจ่ายที่น้อยมาก และ P/E ที่สุงมาก ในที่สุดราคาหุ้นก็จะปรับตัวลงมายังค่า P/E ที่เหมาะสมของมัน และโอกาสที่จะกระเตื้องขึ้นไปเหมือนเดิมนั้นน้อย หรือใช้เวลานานมาก หากเป็นในลักษณะเช่นนี้แล้ว คงเรียกได้ว่าติดดอยหนาวเย็นอย่างแท้จริง เนื่องจากไม่มีพืชพันธ์อาหารได้รับประทาน (หุ้นไม่จ่ายปันผล หรือจ่ายแต่น้อยมาก แพ้แม้กระทั่งอัตรเงินเฟ้อ) และเพื่อนๆ ก็คงไมอยากมาเยี่ยมท่านที่อยู่บนดอยเช่นนั้น (โอกาสที่ราคาจะวิ่งกลับขึ้นมาอีกนั้นค่อนข้างยากหรือใช้เวลานานมาก)
ผู้ที่อยู่ในตลาดฯ จะต้องตอบตัวเองให้ได้ว่า ได้เลือกซื้อหุ้นที่มีผลตอบแทนที่จับต้องได้ต่ำ และราคาได้ปรับตัวไปเกินพื้นฐานมากแล้ว เพราะเหตุใด เป็นการเก็งกำไรที่เสี่ยงมากหรือน้อยเพียงใด และที่สำคัญที่สุดก็คือ ในเมื่อเก็งกำไรได้ ก็จะต้องเก็งขาดทุนด้วย และคิดไว้ก่อนล่วงหน้าเลยว่า เมื่อราคาปรับตัวลดลง จะทำอย่างไร ขอให้โชคดีครับ
บทความวันนี้ (13 ก.พ. 54)
ต่อกันในเรื่อง "การพิจารณาคุณภาพในการบริหารจัดการ"
คลิ๊กที่ "การลงทุนโดยพิจารณามูลค่าของบริษัท(Value Investment)" ทางด้านขวามือครับ