วันจันทร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ของมันแรงส์ - All time new high กล้าซื้อกันไหม


เมื่อช่วงก่อน ราคาหุ้นหลายๆ ตัวต่างปรับขึ้นกันมาก หุ้นของบางบริษัทถึงกับปรับราคาขึ้นทำราคาสูงสุดใหม่ มีเพื่อนนักลงทุนหลายท่านได้สอบถามว่า ถ้าเป็นนักลงทุนแนวพิจารณามูลค่าของบริษัทแล้วจะกล้าซื้อหุ้นเหล่านี้หรือไม่

คำตอบที่แท้จริงก็ไม่ยากนักหรอกครับ ในเมื่อเป็นนักลงทุนที่เน้นการพิจารณามูลค่าของบริษัท ก็จะต้องน้นที่การพิจารณามูลค่าของบริษัทที่เราสนใจต่อไป โดยที่นักลงทุนแบบนี้ก็จะดูตัวธุรกิจด้วยล่ะครับ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับกับจะทำให้บริษัทนั้นมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเลยเชียว)

นั่นคือ ธุรกิจต้องดีก่อน จากนั้นมาดูว่าราคาที่เหมาะสมของบริษัทนั้น กับราคาตลาดของบริษัทนั้นๆ (สมมติว่าเราสามารถซื้อได้ทั้งบริษัทกันเลยก็แล้วกัน) ว่ามันต่างกันแค่ไหนอย่างไร ถ้าบริษัทถูกซื้อขายด้วยราคาที่ถูกอยู่ หรือว่าการทำ New High นั้นเป็นผลมาจากการที่พื้นฐานของธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป (ในทางที่ดีขึ้น) โดยที่ก็ยังมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่เหมาะสมของมัน นักลงทุนแบบ VIก็สามารถพิจารณาซื้อได้

ถ้านึกภาพไม่ออก สมมติว่า (เน้นว่าสมมตินะ) บริษัทยักษ์ใหญ่ของไทยสามารถพัฒนาพันธ์ผัก ที่กินแล้วป้องกันและแม้แต่รักษามะเร็งได้ (แบบนี้ถือได้ว่าพื้นฐานเปลี่ยนไปมาก) โดยที่ราคาในกระดานเป็น 38 บาท ถ้านักลงทุนแบบ VI คำนวณแล้วว่า กำไรต่อหุ้นวนปีแรกน่าจะเป็น 5 บาท
และในปีต่อๆ ไปน่าจะสูงขึ้นๆ ปีละ 10% ในขณะที่บริษัทมีหนี้น้อยและสามารถจ่ายปันผลได้ มีทุนสำรองเพียงพอแล้ว แบบนี้ นักลงทุนแบบ VI หรือ Value Investor คงไม่กลัวที่จะเข้าไปซื้อหุ้นเท่าไรนัก

ทั้งนี้ สิ่งที่จะต้องระวังในเรื่องของการซื้อหุ้นที่ new all time high จะต้องเป็นเพราะว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางพื้นฐานของตัวธุรกิจเกิดขึ้น และเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ่นที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หากพ้นไปจากนี้แล้ว ความเสี่ยงย่อมมีมากขึ้น เพราะคงไม่มีเหตุผลอะไรที่บริษัทที่เคยดำเนินกิจการอยู่ตามปกติได้กำไรอยู่ตามปกติ อยู่ๆ จะมีราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้นมาเสียอย่างนั้น แต่แนวคิดแบบนี้อาจจะตรงกันข้ามกับนักเก็งกำไรก็ได้ ที่คิดว่าเมื่อหุ้นปรับตัว ปรับราคาขึ้นสูงขนาดนั้นได้ มันจะต้องมีอะไรสักอย่างอยู่ในกอไผ่ แม้จะไม่เห็นอะไรก็ตาม แต่นั่นก็คือแนวคิดที่แตกต่างกันในการลงทุนที่เน้นในการพิจารณามูลค่าของบริษัทและการเก็งกำไรครับ