สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เป็นปรากฏการณ์ใหม่ในเมืองไทย ที่คนที่เดิมทีเป็นนักธุรกิจ เป็นนักบริหารในบริษัทมหาชน และไม่เคยต่อสู้ฝ่่่าฟันในแวดวงการเมืองมาก่อน เข้ามาต่อสู้เพียง 40 กว่าวัน แต่กลับสามารถนำพรรคการเมืองพรรคหนี่ง เอาชนะพรรคการเมืองใหญ่อีกพรรคหนี่งที่มีโอกาสทำงานมาแล้วกว่าสองปีได้อย่างขาดลอย สิ่งที่เกิดนี้ในบางแง่มุมก็ทำให้เกิดคำถามว่า จะไหวหรือ จะสู้ของเดิม ได้หรือ
แต่หากว่าเราลองย้อนหลังไปเมื่อ 15-20 ปีก่อน ดูว่าพรรคการเมืองไหนที่บริหารประเทศอยู่แล้วฝีมือการบริหารเป็นอย่างไร พอมาเมื่อ 10 ปีที่แล้วที่ผ่านมานี้ พรรคไหนมาบริหารประเทศนี้ และสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างไร มีความเปลี่ยนแปลงอะไรบ้าง สิ่งต่างๆ ที่เคยมีแต่ปัญหา ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน สนามบินหนองงูเห่า ที่ใครๆ ก็บอกว่าทำไม่ได้ มีแต่ปัญหา (คนบางจำพวก แค่เห็นว่ามีปัญหา ก็ไม่คิดว่าจะแก้ป้ญหาอะไรแล้ว บอกแค่ว่า ไม่ทำดีกว่า เลิกทำดีกว่า หรือว่ามันแบ่งอะไรกันไม่ลง หรืออย่างไรไม่ทราบได้) เรื่องของเมืองไทยเมืองแฟชั่น จริงๆ แล้วมีความเป็นไปได้สูงมาก ถามว่าเคยมีใครมีวิสัยทัศน์มองเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่คิดไม่เห็นแบบนี้บ้าง หากผู้ที่ใกล้ชิดกับคนที่สามารถคิดได้แบบนี้ สามารถได้รับการถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้มาบ้าง ก็จะเป็นสิ่งที่ไม่น้อยต่อการพัฒนาของระบบสังคมของเรา
มาวันนี้ ถ้ารัฐบาลของประเทศไทย เป็นรัฐบาลที่มาจากเสียงข้างมากจากการเลือกตั้งผสมกับสมาชิกที่มาจากพรรคอื่นอีก ทำให้รัฐบาลมีความแข็งแกร่งมากขึ้น มีเสถียรภาพมากขึ้น และหากผู้นำคนใหม่ สามารถมีความสามารถส่วนตัวที่จะทำให้ได้รับความร่วมมือจากบุคคลและองค์กรในหลายๆ ภาคส่วน ก็ย่อมจะทำให้เสถียรภาพของรัฐบาลดีขึ้นไปอีก ซึ่งล้วนเป็นผลดีกับส่วนรวมทั้งสิ้น
ณ เวลานี้ ประเทศชาติยังมีปัญหาให้ต้องแก้ไขอีกมาก การที่จะมัวคิดกลัว (ครับผมขอใช้คำว่า "กลัว" นี้เลยล่ะ) ว่าใครจะกลับมาคิดบัญชีใคร เป็นเรื่องทีหลัง ทุกวันนี้ข้าวของแพง เงินเฟ้อมาก รายได้ไม่พอกับรายจ่าย ยังเป็นปัญหาที่จะต้องแก้ก่อนเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เศรษฐกิจสามารถหมุนไปได้ ก็จะทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปการค้าและการลงทุนก็จะดีขึ้น ผลตอบแทนของการลงทุนก็จะเป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนน่าจะชอบนะครับ
อย่างไรแล้วก็ต้องรอให้คนที่มีโอกาสได้มาบริหารบ้านเมือง ได้ทำงานในสิ่งที่ได้ประกาศเป็นนโยบายไว้ก่อน และหวังว่าเราจะได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ กลุ่มบุคคลต่างๆ ไม่พยายามใช้วิธีการนอกระบบมาทำลายบรรยากาศที่ประชาชนได้สร้างร่วมกัน สึดท้ายหากสามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น บรรยากาศการค้าและการลงทุนดีกว่าที่เคยเป็นมาในหลายปีที่ผ่านมา ก็น่าจะทำให้ประเทศชาติของเรามีโอกาสเจริญก้าวหน้าต่อไปครับ