ช่วงสุดสัปดาห์นี้ (23-25 ต.ค. 2558) เป็นช่วงวันหยุดยาวที่หลายๆ คนคงเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัดกัน หลายคนอาจจะเดินทางด้วยวิธีต่างๆ กัน และหลายคนอาจจะเดินทางด้วยการขับรถเอง เมื่อพูดถึงการขับรถก็อดทำให้ผมนึกเปรียบเทียบกับการลงทุนไม่ได้ทุกทีไป เพราะอาจจะมีคนเปรียบเทียบการลงทุนกับกิจกรรมหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การทำงาน ผู้หญิง หรือบางคนเอาไปเปรียบเทียบกับความรักไปเลยก็มี ซึ่งเรื่องแบบนี้ก็คงจะไม่มีใครที่ถูกหรือผิดอย่างสมบูรณ์ไปเสียทั้งหมด แต่โดยส่วนตัวแล้วผมมีความรู้สึกว่าหุ้นกับการขับรถนั้นมีความคล้ายกันอยู่หลายจุดเลยทีเดียว เช่น เราต้องขับรถอย่างไรจึงจะเดินทางอย่างปลอดภัย เราต้องเลือกเส้นทางที่ถูกต้อง เราต้องเลือกจุดหมายที่ถูกต้องเหมาะสมกับตัวเรา กับรถที่มี และกับเวลาที่เรามี และในระหว่างที่เราขับรถนั้นเราก็ยังต้องเปลี่ยนช่องทางเดินรถเพื่อหลบอุปสรรคและต้องทำอีกหลายอย่างกว่าจะไปถึงจุดหมายได้อย่างปลอดภัย
การลงทุนในหลักทรัพย์ก็เหมือนกัน เราต้องรู้จักวางแผนว่าเราต้องการเดินทางไปยังจุดใดด้วยความสามารถ เวลา และทุนที่เรามี เราจะลงทุนในรูปแบบใดและมีผลตอบแทนประมาณเท่าใด หรือวางแผนตามความฝันที่มีซึ่งถ้าจะว่าไปแล้วการมีความฝันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร เพียงแต่ว่าถ้าเราฝันไกลเกินตัวไปในเวลาอันสั้นเกินไปความฝันนั้นอาจจะย้อนมาทำร้ายเราและทำให้เราทำในสิ่งที่ไม่ควรจะทำหรือผิดหลักการในการลงทุนได้ สุดท้ายแล้วก็เป็นการเพิ่มความเสี่ยงให้กับตัวเองโดยไม่จำเป็นนั่นเอง สำหรับนักลงทุนหน้าใหม่อาจจะมีความฝันในการมีพอร์ตลงทุนสัก 10 ล้านบาทหรือ 50 ล้านบาทก็ไม่ได้ผิดอะไรแต่ก็ต้องมีกรอบเวลาที่ถูกต้องด้วย ไม่ใช่ว่ามีเงินทุนอยู่ 500,000 บาทและต้องการให้เป็น 10 ล้านบาทภายใน 1 ปี แบบนี้ก็จะเป็นการบังคับตัวเองให้ใช้วิธีการลงทุนแบบเก็งกำไรระยะสั้นรายวัน ซึ่งในสภาพตลาดบางเวลาแล้วการทำอย่างนั้นมีความเสี่ยงสูงมาก นอกจากจะไม่ได้พอร์ตขนาดที่หวังแล้วเงินต้นยังเสียหายไปอีก สิ่งที่นักลงทุนหน้าใหม่ควรจะให้ความสำคัญก็เหมือนกับมือใหม่ที่หัดขับรถคือต้องระวังไม่ให้ชนกันกับคนอื่น ถ้าเป็นการลงทุนก็หมายความว่าควรระมัดระวังการขาดทุนเอาไว้ก่อน ต่อเมื่อเราขับรถไม่ชนกับคนอื่นและขับไปโดยไม่หยุด ในที่สุดก็จะถึงจุดหมาย เปรียบเหมือนกับการลงทุนที่หักไม่ขาดทุนแล้วสุดท้ายก็จะได้กำไรนั่นเอง
อีกข้อหนึ่งที่การลงทุนเหมือนกับการขับรถมากก็คือความพอใจในสิ่งที่เรามีอยู่ เช่น ถ้าเราขับรถคันหนึ่งอยู่แต่เรากลับไม่พอใจในตัวรถเราอยากได้ดีกว่านี้ สวยกว่านี้ วิ่งเร็วกว่านี้ อย่างนี้ก็เกิดทุกข์ ก็เหมือนกับหุ้นของบริษัทที่ดีพอสมควรและเราได้เลือกสรรแล้ว บริษัทก็เจริญก้าวหน้าไปตามลำดับอย่างมั่นคง แต่เรากลับเห็นหุ้นของบริษัทอื่นมีราคาเพิ่มสูงขึ้น และเกิดความอยากได้อยากมีหุ้นนั้น อยากให้หุ้นเรามีราคาสูงขึ้นแบบนั้นบ้าง อย่างนี้ก็เกิดทุกข์ อีกกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นบ่อยในการขับรถก็คือเราขับรถอยู่ในช่องทางเดินรถของเรา เมื่อเกิดการติดขัดนิดหน่อยเราก็เปลี่ยนช่องทาง แต่เมื่อเปลี่ยนไปเป็นช่องทางข้างๆ แล้วช่องนั้นกลับติดขัดและช่องเดินรถที่เราเพิ่งจากมากลับวิ่งไปได้อย่างราบรื่น แบบนี้ก็ทำให้เห็นถึงผลที่เกิดขึ้นจากการไม่อดทนรอเหมือนกับการขายหุ้นตัวหนึ่งแล้วไปซื้อหุ้นอีกบริษัทหนึ่งเพราะเห็นว่าราคากำลังเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแต่สภาพการกลับเป็นว่าเมื่อเราขายหุ้นของเราแล้วคุณของเรานั้นกลับมีราคาสูงขึ้นและหุ้นตัวใหม่ที่เราซื้อกลับไม่ไปไหนเลยแถมยังราคาตกลงมาให้เจ็บใจเล่นอีก
สมาธิและการจดจ่ออยู่กับการขับรถของเราเองนั้นก็เป็นสิ่งสำคัญ หลายครั้งที่เรารู้สึกหงุดหงิดรำคาญเป็นเพราะว่าเราใส่ใจกับสิ่งอื่นที่ไม่ใช่การขับรถของเราเช่น ลักษณะการขับรถของคนอื่น สภาพถนนในช่องทางอื่น สภาพฝนฟ้าอากาศที่จริงแล้วต้องถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาในการขับรถ แต่เมื่อทุกอย่างไม่เป็นอย่างใจเราก็รู้สึกหงุดหงิด ก็เหมือนกับการลงทุนในหุ้นที่เราเห็นราคาหุ้นที่คนอื่นถืออยู่ เห็นสภาพเศรษฐกิจ เห็นเศรษฐศาสตร์ของโลกนี้ เห็นการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบ ความยุ่งเหยิงของราคาทองและค่าเงินต่างๆ ถ้าใครคิดมากก็คงต้องหงุดหงิดเหมือนกับการขับรถแล้วใส่ใจกับสิ่งรอบข้างมากเกินไป ลองดูแบบนี้สิครับก็คือเราขับรถในช่องทางเดินรถของเรา เราระมัดระวังดูแลรถให้ดี ขับโดยถูกกฏจราจร ขับไปโดยการสนใจแต่เพียงระยะทางข้างหน้าเพียงไม่กี่สิบเมตร ใส่ใจกับสิ่งรอบข้างให้น้อยลงสักหน่อยเอาเป็นว่าระวังไม่ให้ใครขับมาชนเราก็พอแล้ว แบบนี้เราก็จะมีความสุขมากขึ้นเปรียบเหมือนการลงทุนที่ถ้าเราได้เลือกบริษัทที่ดีแล้วเราก็จงดูแลสิ่งที่เราลงทุนนั้น คอยติดตามการทำงานของบริษัทว่าเป็นไปอย่างที่คิดหรือไม่การเปลี่ยนการลงทุนนั้นทำได้แต่ต้องมั่นใจจริงๆ ว่าถูกที่ถูกเวลา ถ้าเป็นหุ้นก็คือถูกบริษัทถูกจังหวะเวลาและเป็นการลงทุนที่ดีกว่าจริงๆ เท่านั้นเราจึงเปลี่ยนใจได้
ลองดูนะครับสำหรับเพื่อนนักลงทุนที่ขับรถ ในวันพรุ่งนี้ก่อนออกจากบ้านก็ตรวจสภาพรถตัวเองให้ดี วางแผนการเดินทางให้ดี มีสมาธิกับการขับรถของตัวเองอย่างถูกระเบียบมีวินัยจราจร ลดความคาดหวังกับลักษณะการขับขี่ของผู้อื่นลงเสียบ้าง ก็จะมีความสุขมากขึ้นในการขับรถ สำหรับการลงทุนก็เช่นเดียวกัน ถ้าเราเลือกบริษัทที่ดี แข็งแกร่งและเติบโตแล้ว ก็ดูแลว่าบริษัทยังเป็นไปอย่างที่เราคิดเอาไว้โดยใส่ใจกับสิ่งรอบข้างให้น้อยลงซักหน่อย ชีวิตการลงทุนน่าจะมีความสุขขึ้นเยอะเลยล่ะครับ