วันศุกร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2559

ข้อคิดการลงทุนในหุ้น


หลายครั้งเพื่อนรอบๆ ตัวมักเลียบเคียงสอบถามเสมอว่าต้องลงทุนอย่างไรจึงประสบความสำเร็จ หรือว่าง่ายๆ ก็คือรวยนั่นเอง แต่บางทีคำถามอาจจะมาไม่ชัดเจนนักคือไม่ได้ถามให้คนตอบสรุปให้ฟังในข้อใหญ่ๆ ว่าจะต้องดูแลอะไรบ้าง หรือแม้แต่ผู้ลงทุนเองควรมีข้อคิดส่วนตัวอย่างไรบ้าง ซึ่งแน่นอนคำถามเดียวกันกับผู้ที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนแต่ละคนย่อมได้คำตอบต่างกันเนื่องจากมีวิธีต่างกัน สุดท้ายแล้วก็ขึ้นอยูกับว่าใครมีลักษณะนิสัย จริต เวลา ลักษณะเฉพาะตัวในการตัดสินใจ ที่ประกอบรวมเป็นทักษะและความถนัดในแนวทางของตัวอย่างไรนั่นเอง

สำหรับส่วนตัวผมที่ลงทุนในขณะที่ยังทำงานประจำ คือมีเวลาบ้างไม่มีเวลาบ้าง มีหน้าที่รับผิดชอบที่ต้องเข้าประชุมบ่อย บางครั้งนานนับชั่วโมงหรือหลายชั่วโมง ถ้าจะเก็งกำไรกับเขาท่าทางจะไม่รอดโดยเฉพาะกับหุ้นเวียนหัว (ก็ หุ้นปั่นไงครับ) ซื้อก่อนเข้าห้อง ออกมาคงขายตัดขาดทุนมาก (ไม่ได้ขาดทุนน้อย) ดังนั้นจึงต้องเลือกแนวทางรวมทั้งหุ้นที่มีลักษณะนิสัยใจคอเหมาะสมกับเรา ประกอบกับการมีงานประจำทำ จัดการการเงินส่วนตัวให้เป็นงบประมาณเกินดุล (budget surplus ถ้าเป็นบริษัทคือมีกำไรตลอด หนี้ลดตลอด) และไม่สร้างหนี้ใหม่จนทำให้การจัดการเงินสดและนำเงินสดไปใช้ลงทุน (เงินที่ใช้ไปในกิจกรรมการลงทุน - แหม เหมือนงบกระแสเงินสดขอบริษัทเลย) ต้องติดขัดขาดตอน ก็เลือกแนวทางลงทุนแบบเน้นมูลค่าของกิจการ (VI - Value Investment) ไป และสามารถสรุปข้อคิดได้ดังนี้ เผื่อเพื่อนๆ นำไปคิดต่อยอดให้เหมาะสมและดีขึ้นสำหรับตัวเองนะครับ

1. เจ้ามือที่แท้จริงคือผลประกอบการ

ถ้าบริษัทเติบโต มีกำไรดี ก้าวหน้า มีสินค้าใหม่เป็นที่ยอมรับ มีการลงทุนที่ยั่งยืนรายได้ไหลเข้ามา มีสาขาเพิ่มยอดขายเพิ่มกำไรเพิ่ม อะไรก็เอาไม่อยู่ ราคาหุ้นก็วิ่งไปตามความก้าวหน้านั่นเอง ถ้าความก้าวหน้ายั่งยืน ราคาหุ้นก็วิ่งไปแบบยั่งยืน ตอนตรงกันข้ามก็เหมือนกันทุกประการเพียงแต่พุ่งลงดินเท่านั้น

2. ต้องรู้จักการรอคอย

กว่าบริษัทจะโตได้ใช้เวลาหลายปี กว่าจะหาคน สร้างคน หาลูกค้า เป็นที่ยอมรับ สร้างตลาดใหม่ เพิ่มยอดขาย จัดการรายจ่ายด้านการตลาดให้ลดลง ลดหนี้ ใช้เวลาทั้งนั้น (ไม่รวมทางลัดคือไปซื้อกิจการคนอื่น แต่ต้นทุนก็มักไม่ถูก) เอาเป็นว่าการซื้อหุ้นวันนี้แล้วหวังได้กำไรมากมายพรุ่งนี้ เป็นเรื่องคาดหวังผิดธรรมชาติการเติบโตของบริษัท ดังนั้นจึงต้องรู้จักการรอด้วย หรือถือหุ้นแล้วเป็นเหมือนเจ้าของบริษัท เติบโตไปพร้อมกับบริษัท (และราคาหุ้น) รู้จักเลี้ยงห่านทองคำให้โตและออกไข่เป็นห่านทองคำ และฟักเป็นห่านทองคำต่อไป (ลงทุนทบต้น และเห็นไหมกว่าห่านจะโตก็ใช้เวลา) อะไรที่มีผลตอบแทนผิดธรรมชาติก็ต้องระวังให้มากยิ่งขึ้นด้วย

3. มีวินัย รักษาเงินต้น

โดยส่วนตัวแล้วจะซื้อหุ้นต้องราคาถูก คือถูกเมื่อเทียบกับค่าของมัน (VI - ซื้อหุ้นที่มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยสูง) และจะถูกวางระบบการซื้อขายและจัดการความเสี่ยงเอาไว้อย่างดี ยิ่งถ้าเป็นหุ้นที่ไม่คุ้นเคย ไม่รู้ธุรกิจของเขาดี (จะว่าไปก็ยาก บางทีเจ้าของหรือผู้บริหารยังไม่รู้ดีเลยก็มี) มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยต่ำ ยิ่งต้องคิดว่าเป็นการเก็งกำไรและ/หรือมีความเสี่ยงสูงขึ้น ยิ่งต้องดูแลให้เป็นไปตามระบบการซื้อขายและจัดการความเสี่ยง การรักษาเงินต้นเป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะเมื่อรู้ตัวว่าตัดสินใจลงทุนผิดก็ให้รีบยอมรับ อย่าดื้ออย่ายื้อ หุ้นนั้นซื้อได้ก็ขายตัดขาดทุนได้ ขายได้ก็ซื้อกลับได้ เอาข้อดีของหุ้นที่เหนือกว่าการลงทุนอื่นๆ หลายอย่าง (เช่น บ้าน ที่ดิน ธุรกิจ ซื้อก็ยากขายก็ยาก) มาใช้ให้เป็นประโยชน์

4. 3M ของมือเก่าหัดขับ

หุ้นจะขึ้นได้บริษัทต้องโต การเติบโตของบริษัททำให้แทบจะรับประกันการขาดทุนให้กับนักลงทุนได้เลย (จะรอแค่ไหนเป็นอีกเรื่องหนึ่ง) โดยทั่วไปบริษัทจะโตได้อาศัยของหลายอย่าง แต่ที่สำคัญสุดคือ 3M
  • Market ขายของที่ตลาดยอมรับและเติบโต มี trend ที่ดี ต่อให้เทวดาทำเทปเบต้าแม้กซ์หรือวีเอชเอสขายตอนนี้ก็เจ๊งทั้งนั้น
  • Margin ของที่ขายมีอัตรากำไรดี แสดงการแข่งขันไม่รุนแรง รู้จักช่องทางการตลาด ผลิตภัณฑ์ รู้จักว่าธุรกิจหลักของตัวเองคืออะไร อยู่ตรงไหนในตลาด เป็น low cost, high end, niche หรือ differentiate แล้วทำด้านนั้นให้ดี
  • Management มีฝ่ายจัดการที่ดี ซื่อสัตย์ ตั้งใจทำงาน (สังเกตดูว่าไม่ซื้อขายหุ้นบ่อย ไม่ผ่องถ่ายเงินออกจากบริษัท มีรายการเกี่ยวโยงต่ำ ผู้ถือหุ้นใหญ่มีจำนวนมาก อัตราส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อยไม่สูงนัก) รักความก้าวหน้า ในขณะที่มีการดูแลจัดการความเสี่ยงที่ดีด้วย
5. การเงินส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญ

เงินและเวลาเป็นของคู่กันและมีค่าตามกัน เงินที่จำกัดเวลาทำงานลำบาก เงินเบี้ยหัวแตกมีพลังน้อยกว่าเงินก้อนใหญ่กว่า นี่อธิบายว่าทำไมคนรวยถึงรวยขึ้นได้ง่าย ดังนั้นต้องจัดการเงินส่วนตัวให้ดีคือก้อนเงินเหมาะกับจำนวนหุ้นที่ลงทุนและเป็นเงินเย็น การลงทุนด้วยเงินจำนวนมากในหุ้นจำนวนน้อยตัวทำให้วางแผนการซื้อขายได้ดีกว่ามาก และมีโอกาสควบคุมต้นทุน (ให้ต่ำ) ได้ดีกว่า รวมทั้งรอโอกาสทำกำไรได้ดีกว่าเงินจำนวนน้อยที่ซื้อหุ้นหลายบริษัทกว่า

เพื่อนๆ ลองคิดและต่อยอดให้เหมาะสมกับตัวเอง เพื่อความสำเร็จในการลงทุนแบบมีความสุขต่อไปนะครับ