วันเสาร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2555

อยากเป็นนักลงทุนอาชีพ แต่กังวลสายตาคนอื่น



เมื่อไม่นานมานี้ มีเพื่อนนักลงทุนท่านหนึ่ง ที่ก็มีอาชีพการงานอย่างอื่นอยู่ด้วย แต่ก็เป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ด้วย ทั้งแบบบู๊และบุ๋น เรียกว่าได้ทั้งแนวลงทุนและเก็งกำไร (ส่วนอันไหนได้กำไรมากกว่ากันก็ไม่เคยสอบถามให้แน่ชัดเหมือนกัน)​ มาสอบถามว่า​มีเงินจำนวนหนึ่ง (ประมาณ 15 ล้านบาท) อยากออกจากงานมาอยู่บ้านเล่นหุ้น ทองคำ น้ำมัน อย่างเดียว ไม่รู้ว่าจะเป็นความคิดที่ดีรึเปล่า 

จะว่าไปแล้ว ถ้ามีเงินประมาณนั้น และมีความรู้ทางการลงทุน (ขอแย้งนิด ว่าต้องลงทุนนะ อย่าเล่นหุ้น) และทำธุรกิจด้วยพร้อมกัน สามารถสร้างผลตอบแทนได้มากพอค่าใช้จ่ายโดยที่ไม่ต้องอาศัยเวลาและแรงงานของเราเพียงคนเดียวเพื่อแลกมาแล้ว เรียกว่าเป็นคนรวยแล้วล่ะครับ หลายท่านอาจจะมีช้อโต้แย้งบ้างว่าเงินแค่นั้นรวยแล้วหรือ แต่ประเด็นที่ผมบอก ไม่ได้อยู่ที่จำนวนเงินเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมีความสามารถในการสร้างกระแสเงินสดไหลเข้ามาอีกด้วย เคยเห็นคนที่มีที่ดินเป็นร้อยล้าน หรือได้มรดกมาเป็นจำนวนมาก แต่ไม่รู้วิธีการนำไปสร้างกระแสเงินสดไหมล่ะครับ ทุกๆ วันยังต้องทำงานที่มีค่าตอบแทนไม่เท่าไร (อย่าเข้าใจผมผิดนะครับ งานทุกงานมีค่า ที่ผมเล่าให้ฟังนี้หมายถึงเขาไม่สามารถเลือกได้ที่จะทำให้ทรัพย์สินสร้างเงินไหลเข้ามาได้เท่านั้นนะครับ ถ้าเขาสามารถทำได้ แต่่ยังคงทำงานรับเงินไม่เท่าไร เพราะงานนั้นเขารัก เป็นงานที่สร้างประโยชน์กับผู้อื่นด้วยแล้ว อันนั้นคนละกรณีกัน) แบบนั้นสิไม่เรียกว่ารวย เขาเรียกแค่คนมีเงินหรือทรัพย์สินแต่ในขณะเดียวกันก็กลัวเงินหมด เพราะว่าไม่มีเงินใหม่ๆ ในจำนวนที่มากกว่าค่าใช้จ่ายไหลเข้ามาเองไงล่ะครับ

อย่างกับเพื่อนๆ ผม ผมก็ยกตัวอย่างให้ดูเสมอๆ ว่า ดูสิ คนนั้นมีเงินแค่ยี่สิบล้าน รวยแล้วล่ะ เพราะเขาสามารถนำสินทรัพย์/เงินที่มี มาสร้างรายได้แบบไม่ต้องทำงานมีกว่าปีละสามสี่ล้านบาท ในขณะที่อีกคน มีที่ดิน บ้าน ตึก ที่ญาติทิ้งไว้ให้ แต่จนเหลือเกิน มีตึกก็เก็บไว้เฉยๆ ที่ดินก็ไม่ได้ทำอะไร ปล่อยรกร้าง จะขายไปก็กลัวเอาเงินไปใช้จนหมด สุดท้าย ใช้ชีวิตแบบลำบาก สิ่งที่แย่ก็คือ ทรัพย์สินที่ถือครองไว้นั้นไม่ได้ถูกนำไปใช้เลย เสียของเสียทรัพยากรของประเทศเปล่าๆ ใครจะเอาไปทำประโยชน์อะไรก็ไม่ได้ เข้าข่ายที่เรียกได้ว่า "ทรัพย์นิ่งก็เหมือนกับทรัพย์เน่า"

สิ่งสำคัญที่สุดที่ผมให้คำปรึกษาเพื่อนไปก็คือ ต้องหาความรู้ ความชำนาญ และแยกให้ออกระหว่างการ "เล่นหุ้น" กับ "การลงทุนในหุ้น" เพราะเงินขนาดนั้น คงเป็นความคิดที่ไม่ดีที่จะเอามา "เล่น" แล้วล่ะ เพราะถ้าใช้มันให้ถูกต้อง มันจะเป็นฐานของอย่างอื่นต่อไปได้อีกมาก สร้างสิ่งต่างๆ ที่ดีกับตัวเอง กับสังคมและประเทศชาติได้อีกมาก (เมื่อใช้ทำ หรือต่อยอดธุรกิจ)​ นะครับ