วันอาทิตย์ที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของหนี้สิน ตอนที่ 2 (จบ)



จากตอนที่ผ่านมา จะเห็นว่าหนี้สินก็สามารถเป็นสิ่งที่ดีได้หากเราสามารถนำเงินหรือหนี้นั้นมาสร้างผลตอบแทนหรือผลกำไรได้มากกว่าหนี้และดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม การใช้อำนาจเงินของคนอื่น คือเงินที่มากกว่าที่เราเองมีอยู่ มาใช้งานนั้น ก็มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นตามไปด้วยนั่นคือหากเกิดความเสียหายก็จะทำให้เสียหายมากกว่าเดิมเพราะอำนาจเงินที่มากขึ้น ทำอะไรๆ ได้มากขึ้นนั่นเอง (มากทั้งกำไร และขาดทุน)

ดังนั้นหากธุรกิจ หรือนักธุรกิจ จะเลือกวิธีใช้เงินของคนอื่นในการทำงาน ก็จะต้องใช้ในกรณีที่ "เราสามารถควบคุมได้"คือเรารู้ว่าสิ่งที่ทำนั้น เรามีความรู้ความชำนาญ (นั่นคือความเสี่ยงต่ำมากสำหรับเรา) และจัดการชี้ซ้ายขวาได้ เท่านั้น เพราะการใช้เงินคนอื่นทำในสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ ก็เหมือนกับนำคนที่ขับรถยนต์ไม่เป็น ไปนั่งขับรถแข่งสูตรหนึ่ง อันตรายที่จะเกิดขึ้นย่อมมากกว่า รุนแรงกว่าการเดินธรรมดา (คือไม่มีLeverage จากเครื่องจักรเครื่องกลอะไรมาช่วย อย่างมากก็แค่เดินหกล้มถลอกปอกเปิกไปเพียงเท่านั้น) หรืออีกตัวอย่างหนึ่งก็คือการใช้เงินของคนอื่นมาซื้อหุ้น นั่นคือการที่กำลังทำในสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้ คือเราไม่สามารถควบคุมราคสหุ้นได้ ไม่สามารถควบคุมคนอื่นๆ ที่จะอยากมาซื้อหุ้นเราที่ราคาสูงกว่าที่เราเองซื้อมาได้ สิ่งที่เป็นก็คือความเสี่ยงระดับสูงมาก เมื่อเกิดความเสียหาย ก็จะเสียหายอย่างมากอย่างที่เคยได้ยินกันจนชิน

สำหรับธุรกิจแล้ว ในหลายลักษณะ ยิ่งผู้ทำ เก่งเท่าไร เงินของตัวเองในมือจะหมดลงเร็วเท่านั้น (คือนำไปเป็นทุนหมุนเวียนจนหมดสิ้น) การใช้เงินของคนอื่น เป็นทั้งการทำให้รอดชีวิตและทำให้เติบโตขึ้นได้ในเวลาเดียวกัน ดังนั้นหากพูดถึงในด้านการลงทุนแล้ว ในฐานะนักลงทุน เราต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์หนี้ คุณภาพการเป็นหนี้ ว่าบริษัทมี (หรือจะมี) ความสามารถในการกู้หนี้หรือไม่ และดูว่าบริษัทมีความสามารถในการนำเงินที่กู้มานั้นมาสร้างผลตอบแทนได้ดีแค่ไหน เนื่องจากว่า ถ้าบริษัทมีความสามารถในการสร้างผลตอบแทนจากหนี้ที่ดีแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นตามมาก็คือธุรกิจนั้นจะมีผลตอบแทนต่อส่วนของเจ้าของ (ROE - Retutn On Equity) ที่ดีนั้นเองครับ