วันพฤหัสบดีที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2558

ทำไมนักลงทุนเน้นมูลค่าจึงไม่ซื้อขายหุ้นบ่อย



 
โดยทั่วไปแล้ว มีความเข้าใจหลายอย่างเกี่ยวกับนักลงทุนเน้นมูลค่าที่ผิดไปจากความเป็นจริงมาก หลายคนเข้าใจว่านักลงทุนแบบเน้นมูลค่าจะต้องเป็นนักลงทุนที่ซื้อหุ้นแล้วถือไว้เป็นเวลานานมากๆ ไม่ยอมซื้อไม่ยอมขาย เรียกว่ายิ่งถือนานเท่าไรก็ยิ่งเป็นนักลงทุนเน้นมูลค่าค่าเท่านั้น ซึ่งนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดไปมาก บางคนถึงกับตัดสินแบ่งแยกประเภทของนักลงทุนว่าเป็นนักลงทุนแบบเน้นมูลค่าด้วยการถามว่าพี่ซื้อหุ้นที่เวลาเท่าไร ถ้าตอบไปว่าผมถือหุ้นนี้มา 3-4 ปีแล้ว หลายคนก็จะตอบกลับมาว่า โอ้โหพี่ต้องเป็น VI หรือ Value Investor แน่เลย (ซึ่งก็จริงนะครับว่าผมเป็น VI แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะว่าผมถือหุ้นมานานหรอก แต่เป็นเพราะผมตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้นโดยเทียบราคาของมันกับมูลค่าที่แท้จริงต่อหุ้นของกิจการต่างหาก)

นักลงทุนเน้นมูลค่านั้นจะตัดสินใจในการซื้อหรือขายหุ้นโดยพิจารณามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นเทียบกับราคาตลาด ถ้ามูลค่าค่ามากกว่าราคาตลาดก็อาจจะตัดสินใจซื้อ แต่ถ้ามูลค่าต่ำกว่าราคาตลาดก็คงต้องตัดสินใจอยู่เฉยๆ ก่อน ผมใช้คำว่า "อาจจะตัดสินใจซื้อ" ก็เพราะว่ามันจะมีองค์ประกอบอื่นที่ต้องพิจารณาอีกด้วย เช่น ทิศทางของธุรกิจ ทิศทางของตลาด อารมณ์ของตลาด เงินในกระเป๋า รวมทั้งโอกาสการลงทุนอื่นว่าดีกว่าหรือไม่

และที่สำคัญที่สุดเมื่อเราเริ่มซื้อหุ้นตัวหนึ่งซึ่งไม่เคยมีอยู่ในพอร์ตการลงทุนมาก่อนเลย สิ่งที่ควรจะทำก็คือการวางแผนกลยุทธ์ ว่าควรจะแบ่งซื้อหรือไม่ อย่างไร เป็นปริมาณเท่าไร เมื่อซื้อมาแล้วถ้าราคาเพิ่มสูงขึ้น ระดับใดจะทำอย่างไร (เช่นอาจจะจะซื้อเพิ่มขึ้นอีกขณะที่ราคาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ หรือถ้าราคาขึ้นสูงมากเกินพื้นฐานไปอย่างรวดเร็วก็อาจจะต้องพิจารณาขายก็ได้) หรือในทางกลับกะนถ้าราคาลดลงจะทำอย่างไร (เช่น อาจจะต้องขายตัดขาดทุนออกไปก่อน แล้วซื้อกลับคืนในราคาที่ต่ำกว่าที่ได้ขายตัดขาดทุนไปนั้น) เรียกง่ายๆ ก็คือในช่วงแรกๆ เราจะต้องสละเวลาส่วนหนึ่งในการดูแลและเฝ้าราคาของหุ้นที่เราได้ซื้อมานั้น ไม่เหมือนกับหุ้นหลายหลายตัวที่เราได้ซื้อมาเป็นเวลานานมากและราคาได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าที่เราได้ซื้อมามาก แบบนั้นเราก็อาจจะปล่อยหรือละเลยได้บ้าง (เน้นว่า "บ้าง" นะครับ) ไม่ต้องเฝ้าอย่างใกล้ชิดมากนัก โดยนำเวลาที่มีว่างมากขึ้นไปพิจารณาค้นหาหุ้นของบริษัทนอกเหนือไปจากหุ้นของบริษัทที่เรามีอยู่ ก็น่าจะดูดีมีประโยชน์มากกว่าการซื้อขายบ่อยๆ หรือเปลี่ยนตัวไปมาแล้วต้องมานั่งเฝ้าประคบประหงมในช่วงแรกๆ มากทีเดียว