วันศุกร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2558

คิดอย่าง (แต่กลับ) ทำอีกอย่าง

 

ตลาดหลักทรัพย์นับว่าเป็นช่องทางการลงทุนหนึ่งของคนที่มีเงินเหลือสำหรับการลงทุน แต่จริงๆ แล้วเหรียญนั้นก็มีสองด้านเสมอ เป็นด้านที่ทั้งให้คุณและให้โทษกับผู้คนที่อยู่รอบๆ ตลาดนี้ไปในเวลาเดียวกัน ซึ่งจะว่าไปแล้วผู้คนที่เข้ามาในตลาดมักจะแบ่งออกตามความตั้งใจได้เป็นสองประเภทคือ นักเก็งกำไร และ นักลงทุน ซึ่งจะว่าไปแล้วคนในสองประเภทนี้จะมีพฤติกรรมที่แตกต่างกันไปโดยสิ้นเชิง ทั้งในหลักการและวิธีการปฏิบัติ

คนส่วนที่คิดต้องการเป็นนักเก็งกำไรในหุ้น จะต้องการเวลามากกับตลาด ในการเฝ้าดูตลาด ทั้งนี้ขึ้นกับว่าเป็นนักเก็งกำไรระยะใดด้วย ทั้งนี้เพราะหุ้นที่ตัวเองไม่ได้วิเคราะห์พื้นฐานอาจจะมีราคาผิดไปจากราคาที่เหมาะสมได้มาก จึงต้องคอยกระโดดตามซื้อ (ภาษาเราๆ เรียกว่า "เกาะรถ") เมื่อหุ้นกำลังขยับตัวขึ้น และขายตัดขาดทุนเมื่อราคาลดตกต่ำลง หลายคนรู้และคิดว่าทำได้ แต่เมื่อเอาเข้าจริง กลับทำไม่ได้อาจจะเพราะติดงานการอื่น ทำให้ไม่มีเวลาเฝ้าราคาหุ้น หรือเห็นช้าไป ขาดวินัยในการเก็งกำไรคือไม่ยอมขาดทุนน้อยแต่ยอมขาดทุนมากกว่าแทน

อีกประเภทคือตรงกันข้ามกัน หมายมั่นในการลงทุนระยะยาวด้วยหลักการลงทุนแบบเน้นมูลค่าของกิจการ อุตส่าห์ประเมินมูลค่าหุ้นอย่างดี และทำการเข้าซื้อ แต่ด้วยความที่มีเวลามาก วันๆ เลยได้แต่นั่งเฝ้าจอ เมื่อเห็นราคาสวิงไปมา ทำใจไม่ได้ก็ซื่อขายไปตามอารมณ์ ทำให้ไม่สามารถควบคุมต้นทุนและจัดการซื้อ-ถือ-ขาย ได้ตามที่คำนวณมา แบบนี้ก็มีผลทำให้ตั้งแต่ได้กำไรน้อย ไปจนกระทั่งขาดทุนได้เลยทีเดียว

แบบนี้ก็เรียกได้ว่า คิดอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะโดยเต็มใจหรือไม่ และรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม ดังนั้นในฐานะที่เป็นผู้อ่านบล็อกนี้ และจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญการลงทุนต่อไป ก็ลองไตร่ตรองดูว่าเราคิดและทำอย่างสอดคล้องกันหรือไม่ และที่สำคัญทั้งการคิดและทำนั้นจะต้องถูกกับจริต สภาวะแวดล้อมที่เราเป็นอยู่ เพื่อให้เราสามารถทำกำไรได้ด้วยนะครับ