วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

จะซื้อหุ้นของบริษัทไหนดี



สำหรับนักลงทุนแล้ว เมื่อเราต้องการเลือกหุ้นสักตัวหนึ่ง ถ้าเป็นนักเก็งกำไรก็คงจะเลือกตามราคา ปริมาณการซื้อขาย แนวโน้มที่เกิดขึ้นต่างๆ ในตลาดเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นนักลงทุนที่ดูมูลค่าหรือความสามารถของกิจการแล้ว ก็คงจะมองในรูปแบบอื่น สิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์กับนักลงทุนแบบนี้มาเสมอก็คืองบการเงิน แต่ก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาแล้ว และเป็นผลของความสามารถของกิจการเอง (คือ เป็นผล ไม่ใช่เหตุ) และก็ไม่ได้ประกันว่าอนาคตของมันจะเป็นไปในรูปแบบเดิมอีกด้วย ดังนั้นหากนักลงทุนระยะกลาง/ยาว ต้องการที่จะลงทุนซื้อหุ้นเป็นเจ้าของกิจการสักอย่างหนึ่ง เราจะต้องดูอะไรบ้าง

(1) ความสามารถในการทำกำไร
ธุรกิจที่ดีต้องมีความสามารถในการทำกำไร คือมีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูง ยิ่งสูงได้เท่าไรก็หมายความว่าตลาดต้องการสินค้า/บริการนั้นมาก ไม่ว่าจะเป็นที่นิยมมาก หรือคุณภาพสูงล้ำจริงๆ ก็ตาม มีจำนวนของที่จะขายน้อยกว่าจำนวนที่คนต้องการ บริษัทจึงสามารถตั้งราคาขายได้สูงตามต้องการโดยไม่สนใจคู่แข่ง

(2) ตลาดรองรับ
สินค้า/บริการที่ดี ควรมีตลาดหรือความต้องการรองรับในปริมาณสูง เรียกว่าทำมาเท่าไรก็ขายได้หมด เรียกว่าตลาดมีความต้องการสูง และถ้าให้ดีก็คือสูงกว่าที่ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมนั้นสามารถจัดหาให้ได้ (แต่ต้องระวังว่า หากเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นจริง มันก็จะอยู่ไม่ยาวนาน เพราะเมื่อมีอุปสงค์จำนวนมาก ก็จะมีผู้ผลิตหน้าใหม่เข้ามาแข่งขันในตลาดนั่นเอง) ในทางตรงกันข้ามหากตลาดมีน้อย บริษัทก็ต้องใช้จ่ายเงินจำนวนมากในการทำให้สินค้าหรือบริการนั้นขายได้ ก็จะกลายเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้บริษัทมีกำไรน้อยลงไปด้วย

(3) การบริหารจัดการ 
คือการดูแลกิจการทั้งหลาย ตั้งแต่พนักงาน การบริหารค่าตอบแทน การสร้างแรงจูงใจ การสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงาน แนวทางการเจริญเติบโตต่างๆ  ความสามารถในงานทางด้านการตลาด ด้านการเงิน ความฉลาดทางการเงิน ทางบัญชีและภาษี และด้านการผลิตที่มีคุณภาพ การบริหารต้นทุน และที่สำคัญก็คือความสามารถในการขยายกิจการไปในรูปแบบต่างๆ ทั้งทางกว้างและทางลึกของผู้บริหาร ถ้าเรามีผู้บริหารที่มีความสามารถดี ก็วางใจได้ในระดับหนึ่งว่าเราจะต้องกังวลในการติดตามผลงานน้อยลงได้

(4) ความแตกต่างของธุรกิจ
เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ธุรกิจที่จะอยู่ได้อย่างยาวนานต้องมีเรื่องราว (story) มีความแตกต่างจากคู่แข่ง และเปลี่ยนจากความนิยมกลายเป็นค่านิยมของ (คนใน) ตลาดให้ได้ จึงอยู่ได้อย่างยาวนาน ตัวอย่างเช่นสินค้าแบรนด์เนมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนาฬิกาหรู สินค้าแฟชั่นจากต่างประเทศ ตลอดไปจนถึงธุรกิจกึ่งผูกขาดที่มีกฏหมายเป็นอุปกสรรคต่อการเข้ามาของคู่แข่งรายใหม่ เป็นต้น

แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ทั้งหมดที่เราจะต้องพิจารณา เรายังต้องพิจารณาราคาของหุ้นในตลาด  ราคา (มูลค่า) ของหุ้นที่ควรเป็น  และความสามารถทางการเงิน (หนี้สิน, คุณภาพสินทรัพย์, การไหลเวียนเงินสด เป็นต้น) ประกอบอีกด้วย แต่ก็เป็นอย่างแรกๆ ที่จะพลาดไปไม่ได้หากต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจในระยะกลาง-ยาว ถ้าหาบริษัทที่มีความสามารถรอบตัวครบบริบูรณ์ได้จริงล่ะก็เท่ากับว่านักลงทุนได้เจอขุมทรัพย์ที่ดีแหล่งหนึ่งเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม อีกสิ่งหนึ่งที่เราจะต้องไม่ลืมก็คือโลกนี้มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาและหลายอย่างก็ควบคุมไม่ค่อยได้ก็คือคู่แข่งและลูกค้า ความเปลี่ยนแปลงของทั้งคู่แข่งและลูกค้าเป็นสิ่งที่ต้องนำมาพิจารณาในการลงทุนระยะยาวเป็นอย่างมาก บางครั้งอาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีหรือลูกค้าจนกระทั่งบางธุรกิจต้องล้มหายไปเลยก็เป็นได้เลยทีเดียว