วันอังคารที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ขายแล้ววิ่งต่อ ควรเสียใจไหม



เรื่องของราคาหุ้นย่อมมีขึ้นและมีลง และหลายครั้งสำหรับไม่ว่าจะเป็นนักลงทุน นักเล่นหุ้น (แบบมีหลักการ) หรือนักเสี่ยงโชค (อันนี้ออกแนวนักพนัน คือถ้าซื้อและขายแบบไม่ดูอะไรเลย ก็เข้าข่ายนี้อยู่) ก็ตาม ก็มักจะมีอาการที่เรียกว่า "ขายแล้วขึ้นต่อให้เจ็บใจ" กันอยู่เสมอ บางคนถึงกับบอกว่า ขายแล้วขึ้นต่อนี่มันเจ็บใจมากกว่าซื้อแล้วขายตัดขาดทุนนิดๆ หน่อยๆ อีก (ทั้งที่ได้กำไรมาแล้วนะนั่น) บางทีอาจจะเป็นเพราะนานๆ ครั้งถึงจะเลือกซื้อได้ถูกตัวก็ได้ แต่เมื่อถูกตัวแล้วก็กลับได้กำไรไม่ "ที่สุดของที่สุด" - พอพูดถึงความอยากได้แบบที่สุดแล้วนี้ ดูเหมือนจะเป็นความโลภอย่างหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าไม่ดีต่อการลงทุนโดยเฉพาะอย่างยิ่งความโลภนั้นเกินความรู้ของเราไปด้วย

ในกรณีที่ขายแล้วหุ้นขึ้นต่อ สำหรับนักลงทุนแบบเก็งกำไร ถ้าหุ้นวิ่งต่ออาจจะต้องซื้อกลับคืน จะซื้อทั้งหมด ซื้อเพียงบางส่วน หรือนำเฉพาะกำไรมาซื้อก็ขึ้นกับว่าเราสามารถเฝ้าหุ้นนั้น มีระเบียบวินัยในตัวเองได้ดีแค่ไหน นักลงทุนแบบนี้จะต้องแน่ใจว่ามีเวลาเฝ้าหุ้นและแน่ใจว่า "คิดปุ๊บ มือปั๊บ เน็ตปรื้ด" ไม่อย่างนั้นอาจจะผิดจังหวะโดนเตะหน้าแข้งล้มขายไม่ทันก็ได้

แต่สำหรับนักลงทุนแบบเน้นมูลค่าของกิจการ เรามักจะขายหุ้นเมื่อหุ้นได้ปรับตัวขึ้นไปเกินมูลค่าที่เราได้คำนวณไว้ (คือคำนวณรวมเอาความก้าวหน้าจากสภาพการณ์ในปัจจุบันและอนาคตที่เป็นจริงได้มาก) ไปแล้ว และแม้ว่าหุ้นนั้นจะปรับตัวขึ้นต่อ ต้องถือว่าเราได้ทำตามแผนและจัดการจนได้กำไรมาแล้ว ก็จำเป็นจะต้องพอใจในสิ่งที่เราได้ทำงานและได้มา เพราะหลายครั้งหุ้นบางบริษัทอาจจะวิ่งแค่เพราะข่าว (ลือ) แต่พื้นฐานของกอจการยังไม่เปลี่ยน ย่อมไม่เป็นไร ต้องทำใจให้ได้และหาหุ้นของบริษัทที่ดี มีราคาน่าลงทุนต่อไป เพราะถ้าขืนหลับตาซื้อต่อทั้งที่เกินพื้นฐานก็อาจจะขาดทุนและมานั่งเสียใจหนักกว่าเดิมที่ขาดทุนเพราะรู้แล้วว่าไม่ควรทำแต่ก็ยังทำนั่นเอง

และที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่ว่าเราจะเป็นนักลงทุนประเภทใด ต้องถือว่าเป็นมารยาทอันดีที่เมื่อผู้ซื้อหุ้นต่อจากเราสามารถนำไปขายต่อได้ในราคาที่สูงขึ้นด้วยนะครับ (แหม ออกแนวพระเอกยังไงก็ไม่รู้สิ แต่คิดแบบนี้ได้ก็สบายใจดีนะครับ จริงไหม)