วันพฤหัสบดีที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2558

เกมการลงทุนแบบรายย่อย



ถ้าพูดในเรื่องของการลงทุนแล้วทุกวันนี้โชคดีที่เราสามารถลงทุนได้ในหลายรูปแบบ ผู้ที่ทำงานประจำก็อาจจะมีกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัท ส่วนผู้ที่เป็นข้าราชการก็มีกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการที่ลงทุนในสิ่งต่างๆ มากมายไม่ว่าจะเป็น ตราสารหนี้ ตราสารทุน ตลาดเงิน รวมถึงตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ และมีการจัดสรรแบ่งปันการลงทุนออกเป็นส่วนต่างๆ (portfolio) ทั้งนี้ก็เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพความเสี่ยงของผู้ลงทุนแต่ละคน นอกจากนี้ไม่ว่าเราจะลงทุนผ่านกองทุนต่างๆ ตามภาค (คล้ายจะ) บังคับดังกล่าวมาแล้วหรือไม่ก็ตาม เราก็ยังเลือกที่จะลงทุนเพิ่มเองโดยการซื้อหน่วยลงทุนในรูปแบบ LTF (Long Term Equity Fund) หรือ RMF (Retirement Mutual Fund) ที่ได้ผลประโยชน์ทางภาษีอีก ซ้ำยังสามารถลงทุนเองผ่านกองทุนในรูปแบบอื่นๆ ได้อีกสารพัด รวมทั้งการเลือกที่จะเป็นนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเองก็ได้ด้วย ซึ่งแบบหลงที่สุดนี้เรียกว่าเป็นนักลงทุนรายย่อยนั่นเอง

หากถามว่าทำไมถึงต้องลงทุนเองเหตุผลที่แต่ละคนตอบกันไปก็คงจะมีต่างๆ นานา แต่ส่วนใหญ่แล้วโดยสรุปก็คงไม่พ้นความต้องการที่จะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนมากกว่าผลตอบแทนที่ลงทุนผ่านกองทุนต่างๆ นั่นเอง ในเรื่องนี้หลายคนอาจจะสงสัยว่าจะเป็นไปได้หรือในเมื่อกองทุนมีทั้งบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถสูง และยังมีข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวเนื่องเกี่ยวข้องกับการลงทุนมากมายกว่านักลงทุนรายย่อยอีก ซึ่งถ้าพูดตามความเป็นจริงแล้วในส่วนของข้อมูลหรือในส่วนของบุคลากรนั้นอาจจะมีส่วนจริงอยู่ แต่กองทุนต่างๆก็มีข้อจำกัดหลายอย่างมากมายที่ไม่สามารถทำได้ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยสามารถทำได้อย่างสบาย ตัวอย่างเช่นกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหลักทรัพย์ขนาดใหญ่เท่านั้นก็จะไม่สามารถลงทุนในหลักทรัพย์หรือบริษัทขนาดเล็กได้ หรือกองทุนหลายกองทุนก็มีข้อกำหนดว่าจะต้องถือหลักทรัพย์และเงินสดเป็นสัดส่วนเท่านั้นเท่านี้จะถือเงินสดมากมายโดยไม่ถือหลักทรัพย์เป็นเวลานานก็ไม่ได้เป็นต้น (ในขณะที่เมื่อนักลงทุนรายย่อยเห็นท่าทางไม่ดี ก็สามารถขายหุ้นออกเพื่อถือเงินสดทั้งหมดก็ยังได้) หรือการที่กองทุนจะขายและซื้อหุ้นทีละมากๆ ก็ทำได้ยาก ไม่สะดวกเท่านักลงทุนรายย่อยที่มีขนาดของพอร์ตการลงทุนเล็กกว่ามาก สิ่งต่างๆเหล่านี้นี่เองที่ทำให้รายย่อยอาจจะลงทุนแล้วได้ผลดีกว่ากองทุนขนาดใหญ่ได้ แต่หากนักลงทุนรายย่อยทำตัวเหมือนนักลงทุนรายใหญ่คือซื้อหุ้นแต่ตัวใหญ่เท่านั้น หรือลอกการบ้านของกองทุนขนาดใหญ่อยู่ตลอดเวลา อย่างนี้โอกาสที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุนต่างๆคงเป็นไปได้ยากเพราะต้องไม่ลืมว่านักลงทุนรายย่อยหลายหลายคนก็มีงานประจำ การซื้อขายหลักทรัพย์ต่างๆก็ไม่คล่องตัวเท่ากับกองทุนต่างๆ เรียกว่าเป็นรายย่อยแต่กลับไปเล่นในเกมของรายใหญ่หรือกองทุน ถ้าทำตัวแบบนี้ผมแนะนำว่าซื้อกองทุนน่าจะสบายใจกว่า การดูแลก็น้อยกว่าด้วย ทำงานประจำไปเรื่อยๆ ให้สบายใจน่าจะดีกว่า

คราวนี้กลับมาถึงด้านกลยุทธ์ของรายย่อยบ้าง ถ้าเรามองดูธุรกิจตามความเป็นจริงเราจะเห็นว่าธุรกิจขนาดเล็กหลายธุรกิจมีความสามารถในการเติบโตเมื่อเทียบกับตัวมันเองมากกว่าธุรกิจขนาดใหญ่ด้วยซ้ำไป เพื่อให้นึกภาพออกง่ายขึ้นลองดูธุรกิจขนาดใหญ่เช่นบริษัทปูนซิเมนต์ไทยซึ่งแน่นอนว่ามีความมั่นคงสูงมากและแน่นอนเช่นกันว่ามีการขยายตัวอยู่ตลอดเวลา แต่การที่จะทำให้บริษัทปูนซิเมนต์ไทยมียอดขายเพิ่มขึ้น 3 เท่าหรือมีกำไรเพิ่มขึ้น 3 เท่าในเวลา 3-4 ปีนั้นเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ในปัจจุบัน ในทางกลับกันถ้าเราพิจารณาบริษัทขนาดเล็กกว่า สมมติเช่นธนาคารหรือบริษัทผลิตอาหารขนาดจิ๋วที่กำลังขยายกิจการ การที่จะขยายจากบริษัทขนาดจิ๋วเป็นบริษัทขนาดเล็ก (ยังไม่ถึงขนาดกลางด้วยซ้ำไป) และมีกำไรเพิ่มขึ้น 2 ถึง 3 เท่านั้นเป็นเรื่องที่เป็นไปได้เลยทีเดียว และแน่นอนถ้ากำไรเพิ่มขึ้น 2 ถึง 3 เท่า ราคาหุ้นก็ย่อมมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้น 2 ถึง 3 เท่าด้วยเช่นกัน นั่นคือราคาหุ้นเพิ่มขึ้นตามผลประกอบการจริงๆ

สำหรับกองทุนที่จะต้องลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่แล้วผลตอบแทนก็มักจะขึ้นลงไปตามดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ แต่สำหรับนักลงทุนรายย่อยหากลงทุนในหุ้นของบริษัทขนาดเล็กลงที่ได้รับการคัดเลือกเป็นอย่างดีผลตอบแทนก็อาจจะไม่เป็นไปตามดัชนีตลาดหลักทรัพย์ก็ได้ ตัวอย่างก็เช่นกราฟที่ใช้ประกอบในบทความนี้ ในช่วงเวลา 2 เดือนที่ผ่านมาดัชนีตลาดหลักทรัพย์ลดลงกว่า 100 จุด (กราฟบน) ในขณะที่ราคาของหลักทรัพย์เพิ่มขึ้นกว่า 90% (กราฟด้านล่าง) เรียกได้ว่าราคาเพิ่มขึ้นอย่างไม่แคร์สือเลยก็ได้ นักลงทุนรายย่อยจึงควรทำงาน ทำการบ้านเพื่อหากิจการที่สามารถเติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง มีภูมิคุ้มกันต่อสภาวะแวดล้อมที่ดีในที่สุดก็จะได้ผลตอบแทนที่ดีเอาชนะผู้เล่นรายที่ใหญ่กว่าได้ เรียกได้ว่าอยู่ในเกมของรายย่อยนั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนนั้นเป็นเรื่องส่วนตัวและไม่ควรมุ่งหวังแข่งขันกับใคร ซึ่งในวันหน้าผมจะคุยให้ฟังถึงเรื่องนี้อีกทีหนึ่งครับ