วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

มือเก่าหัดขับพาเที่ยวรัสเซีย

ตุ๊กตาสวยๆ ที่เป็นของฝากที่ได้รับความนิยมจากรัสเซีย

เมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งเป็นกึ่งการเดินทางไปเป็นเพื่อนกับคณะนักวิชาการที่เดินทางไปเสนอผลงานทางวิชาการผสมกับการไปเปิดหูเปิดตาตัวเองด้วย ในส่วนของการเสนอผลงานทางวิชาการนั้นผมก็มีโอกาสได้อยู่ร่วมประชุมและได้ความรู้กลับมาในส่วนที่น่าจะนำมาใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งความเป็นจริงก็คงจะไม่เกี่ยวกับการลงทุนมากนักแต่อย่างว่านะครับ ความรู้อื่นใดที่เราได้รับมาเราก็คงบอก ไม่ได้ว่าในวันหนึ่งข้างหน้าเราก็อาจจะใช้งานได้ใช้ประโยชน์จากมันก็ได้

ภายในสถานีรถไฟใต้ดิน แต่ละแห่งจะตกแต่งต่างกัน บางที่เป็นกระจกสีก็มี


ในช่วงที่เดินทางไปที่ประเทศรัสเซียนั้นผมลงเครื่องที่กรุงมอสโคว อากาศ ในเวลาประมาณ 4 โมงเย็นที่เดินทางไปถึงก็ประมาณ 5 องศาเซลเซียส สำหรับคนไทยอย่างเราแล้วก็นับว่าค่อนข้างหนาวมากทีเดียว อาศัยความว่าเคยศึกษา ทำงาน และเดินทางไปมาในหลายประเทศจนชินกับอากาศเย็นจัด ประกอบกับการที่ได้ เตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสมไปด้วย เลยไม่รู้สึก ว่าเป็นปัญหามากนัก สนามบินมอสโควและกรุงมอสโควเรียกว่าเป็นเมืองที่ได้รับการออกแบบให้มีการคมนาคมขนส่งที่ดีมากทีเดียว เมื่อเราไปถึงสนามบินการเดินทางจากสนามบินเข้ายังตัวเมืองและไปยังที่พักนั้นสามารถใช้การขนส่งในระบบรางได้ทั้งหมด เรียกว่าต่อรถไฟจากสนามบินและไปต่อรถไฟใต้ดินอีกครั้งหนึ่งก็สามารถเดินทางไปถึงโรงแรมที่พักซึ่งอยู่ในตัวเมืองมอสโควได้แล้ว ระบบรถไฟใต้ดินในกรุงมอสโควเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ชาวรัสเซียภาคภูมิใจเนื่องจากแต่ละสถานีของรถไฟจำนวนหลายสาย ที่มีอยู่ (ซึ่งดูด้วยสายตาจากแผนผังแล้ว น่าจะประมาณ 8 สาย) จะมีการประดับประดาตกแต่งต่างๆกันไป บางสถานีก็เป็นสไตล์สมัยใหม่ บางสถานีก็เป็นยุคเก่าแต่ทั้งหมดก็เรียกได้ว่าอลังการเลยทีเดียว สถานีรถไฟมอสโควรวมทั้งในเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กด้วยมีความลึกค่อนข้างมาก (ประมาณ 70-80 เมตร) ดังนั้นเมื่อรถไฟวิ่งจึงเกิดเสียงรบกวนข้างบนน้อยมากเรียกได้ว่าถ้าไม่ได้ยินหรือไม่รู้สึกเลยก็น่าจะได้ ระบบขนส่งรถไฟใต้ดินของกรุงมอสโควนั้เรียกว่าเป็นระบบที่มีผู้ใช้งานวุ่นวายที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง จากที่สังเกตดูในช่วงเวลาปกติรถไฟจะมาทุกๆ 1 ถึง 2 นาทีเลยทีเดียว เมื่อพลาดรถไฟขบวนนี้ก็ไม่ต้องรีบร้อนแค่หันไปคุยกับเพื่อนสองสามคำ ขบวนใหม่ก็จะมาถึงให้เรากระโดดขึ้นได้แล้ว

สำหรับการเดินทางไปมาด้วยระบบขนส่ง ในกรุงมอสโควนั้นเราสามารถซื้อตั๋วที่เรียกว่า ไม่จำกัดจำนวนการใช้แต่จำกัดระยะเวลาการใช้ได้ ซึ่งผมก็เลือกตัวแบบ 3 วันที่สามารถใช้ขึ้นในทางรถไฟใต้ดินและรถบัส (ก็คือรถเมล์ดีดีเรานี่แหละ) ได้เลย เรียกว่าใช้ตั๋วเป็นกระดาษใบเดียวไปนั่นไปนี่ได้โดยไม่ต้องกังวลไม่ต้องพกเงินสดไม่ต้องทอนเงินเรียกว่าสะดวกสบายมาก ส่วนผู้คนตามปกติที่อาจจะจำเป็นต้องมีรถยนต์ส่วนตัวที่กรุงมอสโควนี้ก็มีรถยนต์หลากหลายยี่ห้อส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นผู้ผลิตจากค่ายรถยนต์ทางยุโรป ไม่ว่าจะเป็น BMW, Mercedes Benz, Volkswagen,  Audi, Skoda แต่แน่นอนย่อมมีรถจากเขาญี่ปุ่นเกือบทุกยี่ห้อที่เราเห็นในเมืองไทยวิ่งอยู่ในกรุงมอสโควด้วยเช่นกันรถหรูจำพวกรถสปอร์ตกำลังสูงไปจนกระทั่ง Ferrari ก็มีให้เห็นบ้าง ถนนที่เป็นทางเชื่อมระหว่างเมืองเรียบสนิทมีป้ายจราจรครบครัน (ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าป้ายเหล่านี้ในกรุงมอสโกจะเป็นภาษารัสเซียทั้งหมดโดยไม่มีภาษาอังกฤษกำกับจึงทำให้ผู้ที่ไม่เข้าใจภาษารัสเซียอ่านป้ายเหล่านี้ได้ยากสักนิด) ถนนก็มีความกว้างขนาด 10 ช่องจราจรทำให้เกิดความปลอดภัยค่อนข้างสูงในการสัญจร โดยทั่วไปก็เรียกได้ว่าไม่ต่างอะไรกับเมืองที่เจริญแล้วทั่วๆไปนั่นเอง ในการเดินทาง ถ้ามีคนที่สามารถพูดภาษารัสเซียไปด้วยก็น่าจะเป็นการดีเพราะคนส่วนใหญ่แล้วมักไม่พูดภาษาอังกฤษ แต่หลายคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ก็พร้อมที่จะแนะนำเส้นทางให้กับนักท่องเที่ยว หลายครั้งที่เราถามเส้นทางกับคนที่สามารถพูดภาษาอังกฤษได้เขาก็จะบอกเส้นทางอย่างชัดเจน และไม่น้อยกว่า 3 หรือ 4 ครั้งที่คนรัสเซียถึงกับเดินพาพวกเราไปในทิศทางที่ถูกต้อง บางคนถึงกับสวัสดีเพื่อนของตัวเองที่กำลังคุยกันอยู่เพื่อที่จะเดินพาเราไปในที่ที่เราต้องการก็มี เรียกว่าเป็นความน่ารักแบบคนรัสเซียก็ว่าได้เลย

สิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือความเป็นระเบียบวินัยของผู้คน การขับรถปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัดไม่มีการขวางทางแยกใดๆ ไม่มีการขับรถจอดทับทางม้าลาย และหยุดให้คนข้ามถนนเสมอแม้บางครั้งคนข้ามถนนก็ยังไม่ได้รับไฟเขียวให้ข้ามถนนด้วยซ้ำไป ถนนหนทางต่างๆสะอาดเรียบร้อยไม่มีขยะสิ่งสกปรกบนถนน สิ่งที่เห็นได้อีกอย่างหนึ่งก็คือถังขยะที่จะถูกวางไว้เป็นจุดๆ เพื่อให้คนที่สัญจรไปมาได้ทิ้งขยะให้เป็นที่เป็นทางไม่ต้องทิ้งเรี่ยราดหรือแม่กระทั่งเก็บไว้กับตัวจนไปทิ้งที่บ้าน แม่น้ำลำคลองไม่ต้องพูดถึงนะครับเพราะแน่นอนว่าสะอาดหมดจดจริงๆลำคลองหลายคลองมีเรือสำหรับนักท่องเที่ยวได้ลงไปลองชมเมืองด้วยก็เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดผู้คนได้ดีเช่นกัน

ภายในของ The Cathedral of the Resurrection
จะเห็นได้ถึงความอลังการของงานศิลป์เลยทีเดียว


ประเทศรัสเซียนั้นมีประวัติยาวนาน เคยปกครองด้วยระบอบกษัตริย์มาก่อนดังนั้นสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับ 2 เมืองใหญ่ที่ผมได้ไปเยี่ยมครั้งนี้คือกรุงมอสโควและเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิกร์ก (St. Petersburg) ซึ่งเป็นทั้งเมืองใหญ่และเมืองเก่ามีประวัติยาวนาน สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงก็คงจะเป็นโบสถ์ วิหาร พิพิธภัณฑ์ ป้อมปราการ ปราสาทต่างๆ ที่มีกระจายทั่วไปทั้งในกรุงมอสโควและเมืองท่องเที่ยวอย่างเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กและเมืองอื่นๆ ข้างในของประสาทและพิพิธภัณฑ์ต่างๆ นั้นพูดได้ว่าหรูหราอลังการมากเลยทีเดียว บรรดาเครื่องใช้หรือของขวัญที่เคยได้รับมาจากประเทศต่างๆ ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดี ความอลังการต่างๆออกไปในทางใหญ่โตหรูหราแต่จะไม่ละเอียดระยิบระยับอ่อนช้อยเหมือนกับศิลปะของไทยเรา

ลำคลอง Griboyedov ในเมือง St. Petersberg สะอาดสวยงาม
เห็นวิวของ The Cathedral of the Resurrection อยู่ปลายสายตา


หลังจากการกอบกู้สถานการณ์ความรุนแรงด้านเศรษฐกิจ สังคม และการรัฐประหารโดยกลุ่มหัวเก่าในเดือนสิงหาคม 1991 ขณะที่ บอริส เยลต์ซิน เป็นประธานาธิปดีที่มาจากการเลือกตั้ง จึงทำให้ประธานาธิบดีเดิมคือ มิฮาอิล กอร์บาชอฟ สิ้นสุดความนิยมลงอย่างสมบูรณ์ พร้อมกับการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ประเทศรัสเซียก็แยกตัวเป็นอิสระออกจากสาธารณรัฐต่างๆ ที่แตกออกเป็นประเทศอิสระโดยประเทศรัสเซียเองได้ชื่อใหม่ว่าสหพันธรัฐรัสเซีย แต่การเปลี่ยนแปลงต่างๆทางด้านเศรษฐกิจและการบริหารงานของวิสาหกิจของรัฐทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมายในประเทศรัสเซีย จนเกิดวิกฤติการเงินรัสเซียในปี 1998 และในที่สุดประธานาธิปดี บอริส เยลต์ซิน ก็ลาออกโดยได้ผู้นำคนใหม่ วลาดิมีร์ ปูติน มานำประเทศ รัสเซียสามารถผลจากวิกฤตการเงินในปี 1998 และเติบโตทางเศรษฐกิจจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและการลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นโดยมีความมั่นคงทางการเมืองเป็นตัวหนุนหลัง โดยรัสเซียก็เป็นหนึ่งในประเทศที่ส่งออกทั้งแก๊สธรรมชาติและน้ำมันเป็นอันดับต้นๆ จึงได้เงินเข้าประเทศในปริมาณมากและคงนำเงินนี้มาพัฒนาประเทศตลอดหลายปีที่ผ่านมา ทำให้สิ่งต่างๆเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นมาก จนกระทั่งตั้งแต่ปี 2003 เป็นต้นมารัฐเซียก็ส่งออกทรัพยากรธรรมชาติน้อยลงเนื่องจากตลาดความต้องการอุปสงค์และอุปทานในประเทศเองขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างมากนับว่าเป็นประเทศที่มีการพัฒนาเศรษฐกิจภายในได้ดีจากการพัฒนาตัวเองด้วย ไม่ใช่จากการขายทรัพยากรในประเทศของตัวเองแต่เพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ยังมีจำนวนประชากรที่จบการศึกษาระดับอุดมศึกษาเป็นอันดับต้นในทวีปยุโรปเลยทีเดียวเพราะเป็นประเทศที่น่าสนใจการค้าและการลงทุนทีเดียว

โบสถ์เซนต์บาซิลบริเวณจัตุรัสแดง
ที่บางทีคนไทยเราเรียกว่า โบสถ์หัวหอม ตามลักษณะภายนอก
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหนึ่งของมอสโคว์ที่พลาดไม่ได้


สำหรับผู้ที่มีเวลาว่างและมีโอกาส ถ้าเที่ยวในประเทศไทยจนพอใจแล้วก็ลองเปิดหูเปิดตาเดินทางไปดูความก้าวหน้าของประเทศอื่นที่เคยได้ชื่อว่าอยู่ในระบอบสังคมนิยมอยู่หลังม่านเหล็กอย่างประเทศรัสเซียดูสักครั้ง ท่านอาจจะพบกับความแปลกใจที่ว่าประเทศที่เรียกได้ว่าเคยเป็นระบอบคอมมิวนิสต์เข้มแข็งในอดีตแต่ในปัจจุบันได้เปลี่ยนระบบการปกครอง และพัฒนาก้าวหน้าจนก้าวล้ำหลายประเทศไปไม่น้อยแล้วในทุกวันนี้ครับ