วันเสาร์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2559

ข้อคิดคำคมในการลงทุนโดย วอเรน บัฟเฟตต์



วันหยุดแบบนี้ เอาของดีมาฝากกันเหมือนเดิม บางท่านอาจจะเคยได้ยินบ้างแล้ว บางทีได้ยินแต่อาจจะเป็นภาษาอังกฤษต่างด้าวบ้าง หรือเข้าใจยากบ้าง ก็ไม่เป็นไรครับ ผมพยายามเขียนใหม่ให้เป็นภาษาชาวบ้านเข้าใจได้ง่าย อาจจะไม่ตรงเป๊ะตามคำแปล (เพราะเป็นการเขียนใหม่ ไม่ใช่แปล) แต่ก็พยายามรักษาความหมายและบรรยากาศเดิมไว้ให้มากที่สุด ลองดูแล้วคิดตามนะครับ น่าจะมีประโยชน์ในการลงทุนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว

Buying a stock is about more than just the price.
"การซื้อหุ้นของบริษัทสุดยอดที่ราคายุติธรรมนั้นดีกว่าการซื้อหุ้นของบริษัทงั้นๆ ที่ราคาถูกๆ เยอะเลย"

You don't have to be a genius to invest well.
"คุณไม่ต้องฉลาดขนาดเป็นนักวิทยาศาสตร์ยิงจรวดหรอก การลงทุนไม่ใช่เกมที่คนไอคิว 160 จะชนะคนไอคิว 130 ได้"

But, master the basics.
"การลงทุนให้ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นต้องรู้สารพัดทฤษฎีทางการเงินให้เชี่ยวชาญหรอก โรงเรียนธุรกิจและการเงินมีแนวโน้มจะครอบงำผู้ลงทุนด้วยวิชาการเหล่านั้น ในความเห็นของเรา ผู้ลงทุนควรเก่งจริงสองอย่างก็คือ การประเมินค่าของธุรกิจ และ ความคิดเกี่ยวกับราคาตลาด เท่านั้นเอง"

Don't buy a stock just because everyone hates it.
"การซื้อหุ้นที่ใครๆ ก็ไม่ชอบ หรือชิงชัง ก็แย่พอๆ กับซื้อหุ้นตามๆ คนอื่นไปนั่นล่ะ สิ่งที่นักลงทุนควรทำคือการคิดมากกว่าการไปสืบเสาะว่าใครชอบอะไร"

Bad things aren't obvious when times are good.
"ในวันที่ดีๆ หุ้นก็พากันขึ้นทั้งตลาด เรามองไม่เห็นหรอกว่าใครดีใครไม่ดี ก็เหมือนกับเรามองไม่เห็นว่าใครแก้ผ้าว่ายน้ำ จนกระทั่งน้ำลดนั่นแหละ"

Always be liquid.
"ควรมีสภาพคล่องที่ดี อย่าทำให้ตัวเอง (และการลงทุนของตัว) ตกอยู่ในสภาพที่เป็นหนี้"

The best time to buy a company is when it's in trouble.
"สิ่งดีที่สุดที่สามารถจะเกิดขึ้นกับนักลงทุนได้ก็คือเมื่อบริษัทชั้นเลิศมีปัญหาชั่วคราว เรียกว่าเข้าไปซื้อตอนมันนอนอยู่บนเตียงผ่าตัดเลยได้ยิ่งดี"

Stocks have always come out of crises.
"ในท้ายที่สุด ตลาดหุ้นก็จะดีเองนั่นล่ะ ถ้าเราดูย้อนกลับไปนานๆ จะเห็นว่าตลาดไหนๆ ก็ผ่านการแย่มาทั้งนั้น และสุดท้ายก็ออกจากวิกฤตมาได้"

Don't be fooled by that Cinderella feeling you get from great returns.
"สำหรับบางคน การลงทุนและการเก็งกำไรดูยิ่งไม่ชัดเจนเมื่อตลาดดี การหาเงินได้ง่ายๆ นั้นดูทำให้คนมีความสุขมาก ดูไปก็เหมือนการไปงานเลี้ยงที่ทุกคนก็รู้ว่าถ้าออกมาไม่ทันก็จะซวยได้ ทุกคนก็หวังว่าจะวิ่งออกจากงานก่อนงานเลิก แต่ปัญหาอยู่แค่ว่าไม่มีใครรู้ว่างานจะเลิกเมื่อไร ก็เหมือนกับการเล่นเก้าอี้ดนตรีนั่นเองที่ไม่รู้ว่าเพลงจะหยุดเมื่อใด"

Think long-term.
"หุ้นที่ควรซื้อคือหุ้นของบริษัทชั้นเลิศที่สามารถทำกำไรเพิ่มมากขึ้นได้ทุกๆ ปี ตลอด 2, 5, หรือ 10 ปีจากนี้ไป บริษัทเหล่านี้หายาก แต่ถ้าหาเจอแล้วล่ะก็ให้ซื้อหุ้นของเขาในปริมาณมาก จากนั้นก็ถือไปเรื่อยๆ พอบริษัทมีกำไรดี ราคาหุ้นกับพอร์ตของเราก็โตไปเอง ถ้าเราไม่คิดจะถือหุ้นของบริษัทใดได้ 10 ปี ก็อย่าคิดไปซื้อหุ้นของบริษัทนั้นแล้วถือไว้ 10 นาทีเลย"

Forever is a good holding period.
"ถ้าเราถือหุ้นของบริษัทชั้นเลิศ ที่มีการบริหารชั้นเลิศแล้วล่ะก็ แผนการถือหุ้นนั้นคือถือไปเรื่อยๆ ไม่มีกำหนด ตราบเท่าที่มันยังดีอยู่"

Buy businesses that can be run by idiots.
"พยายามหาซื้อธุรกิจชั้นเลิศที่ประสบความสำเร็จและเติบโตได้แม้ว่าเอาคนโง่มาบริหาร เพราะไม่ช้าก็เร็ว ก็จะมีคนโง่มานั่งบริหารบริษัทบ้างนั่นเอง"

Be greedy when others are fearful.
"นักลงทุนควรจำไว้เสมอว่า ความตื่นเต้นและการใช้จ่าย (สองอย่างนี้ทำให้และเป็นผลจากซื้อขายบ่อย) เป็นศัตรูของตัวเอง และถ้ากำลังพยายามกะเกณฑ์ช่วงเวลาที่จะลงทุนล่ะก็ ลองกลัวตอนคนอื่นโลภ และโลภตอนคนอื่นๆ กลัว น่าจะดีกว่า"

You don't have to move at every opportunity.
"ตลาดหุ้นก็เหมือนกีฬาเบสบอล เราไม่ต้องตีทุกลูกก็ได้ แต่รอลูกที่ดีจริงๆ เท่านั้น ปัญหาก็คือเมื่อเราเป็นผู้จัดการการเงิน แล้วแฟนๆ ตะโกนเชียร์ตลอดเวลาว่า เอาเลย เอาเลย หวดเปรี้ยง! เป็นเรื่องทันที..."

Ignore politics and macroeconomics when picking stocks.
"อย่าไปสนใจเรื่องการเมืองขึ้นๆ ลงๆ หรือเศรษฐศาสตร์มหภาคให้มากนัก (เอาหูไปนา เอาตาไปไร่เสียบ้าง) แล้วลงทุนในบริษัทที่ดี มีภูมิคุ้มกันที่ดี ไปเรื่อยๆ ไม่ต้องไปเล่นตามข่าวต่างๆ ที่จริงเรามีโอกาสซื้อดีมากๆ ตอนวิกฤติต่างๆ ถึงจุดสูงสุดของมันนะ"

The more you trade, the more you underperform.
"แม้แต่ เซอร์ ไอแซค นิวต้น ที่ถือว่าเป็นอัจฉริยะทางฟิสิกส์ยังบอกว่าตัวเองไม่มีความสามารถในการคาดการณ์พฤติกรรมของคนในตลาดหลักทรัพย์ได้จนกระทั่งขาดทุนเป็นจำนวนมาก ที่จริงถ้าไม่ขาดทุนมากอาจจะทำงานต่อและค้นพบกฎข้อที่สี่ก็ได้ว่า ยิ่งเทรดมากก็ยิ่งได้ผลตอบแทนต่ำลง นั่นเอง"

Price and value are not the same.
"อาจารย์ของ วอเรน บัฟเฟตต์ สอนไว้นานมาแล้วว่า ราคาคือสิ่งที่คุณจ่าย แต่มูลค่าที่แท้จริงคือสิ่งที่เราได้รับ ไม่ว่าเราจะซื้อรองเท้า ถุงเท้า หรือหุ้น เราคงอยากซื้อของคุณภาพดีตอนลดราคาเหมือนๆ กันแหละ"

There are no bonus points for complicated investments.
"การลงทุนของเรา เน้นที่ความเรียบง่ายไม่ต้องคำนวณอะไรมากมาย การลงทุนใหญ่ๆ ดีๆ ที่เราชอบจะเป็นธุรกิจที่มีพนักงานเก่งและคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจนั้น และควรอธิบายได้ด้วยตัวหนังสือเพียงย่อหน้าเดียวก็พอ  นักลงทุนควรจำไว้ว่าผลสำเร็จของตัวเองนั้นดูได้ง่ายมาก ไม่มีคะแนน "ท่ายาก" ให้ในแบบกีฬากระโดดน้ำ ถ้าเข้าใจได้ว่ามีหลักการอะไรบ้างที่ธุรกิจจะประสบความสำเร็จและนำไปใช้ตัดสินใจ ก็ได้ผลดีพอกับการคำนวณด้วยศาสตร์คณิตศาสตร์อันพิสดารนั่นล่ะ"

A good businessperson makes a good investor.
"การเป็นนักธุรกิจที่ดีสามารถช่วยให้เป็นนักลงทุนที่ดีได้"

Higher taxes aren't a dealbreaker.
"อย่าให้ภาษีที่ต้องจ่ายมามีส่วนในการตัดสินใจลงทุน ยกตัวอย่างง่ายๆ สมมติว่ามีนักลงทุนเก่งๆ ที่คุณเชื่อใจมาชวนลงทุนในบางธุรกิจที่เขาเองก็ลงทุนอยู่ คุณจะตอบว่า เอ่อ.. ขอผมดูก่อนนะว่าผมต้องเสียภาษีเท่าไร เพิ่มมากไหม ถ้าเสียเพิ่มขึ้นผมยอมฝากเงินดอกเบี้ย 1-2% ต่อไปก็แล้วกัน หรือเปล่า ถ้าไม่ได้ตอบแบบนั้น ก็ลืมๆ เรื่องภาษีไปก่อน (อันที่จริง ถ้าบริษัทมีกำไรจริง หรือเราทำเงินได้จริง เราต้องจ่ายภาษีได้จริงด้วยนะ)"

Companies that don't change can be great investments.
"วิธีการของเรามักจะได้กำไรมากจากการลงทุนในธุรกิจที่ไม่เปลี่ยนแปลงมากกว่าธุรกิจที่ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย เราได้กำไรจากการลงทุนในบริษัทหมากฝรั่งที่ดูเหมือนไม่เปลี่ยนแปลงอะไร (รสชาติ รูปแบบซอง กล่อง และอื่นๆ) เราคิดว่าบริษัทหมากฝรั่งคงไม่เจ๊งหรือโตช้าลงจากอิทธิพลของอินเตอร์เน็ต และเราชอบธุรกิจแบบนั้น"

Time will tell.
"เวลาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของธุรกิจชั้นเลิศ (เพราะมันจะโตไปเรื่อยๆ ยาวนาน คงทน) แต่เป็นศัตรูกับธุรกิจธรรมดาปานกลางทั่ว ๆ ไป (พวกนี้ มาแล้วไป นิยมเป็นพักๆ)"

This is the most important thing.
"ข้อสำคัญที่สุดในการลงทุนมีสองข้อ (1) อย่าขาดทุน และ (2) อย่าลืมข้อแรก"

คราวนี้ หน้าที่ของเราที่เป็นนักลงทุน ก่อนอื่นเลยก็คือพิจารณาว่าสิ่งต่างๆ ที่คุณบัฟเฟตต์บอกไว้นั้นมีความจริงเท่าใด ควรเชื่อถือหรือไม่อย่างไร ถ้าข้อไหนคิดว่าไม่จริงก็แล้วไป ข้อใดคิดว่าจริงก็ลองนำไปปรับใช้ดู อย่างน้อยเราก็ได้แนวทางในการลงทุนในแนวเน้นมูลค่าของกิจการไม่มากก็น้อย ไม่สะเปะสะปะอีกต่อไปครับ