วันพฤหัสบดีที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

หุ้นเชื่องช้า (หุ้น Laggard)

หุ้น Laggard

ในสภาวะที่ราคาของหุ้นหลายตัวปรับสูงขึ้นนักลงทุนหลายคนอาจจะขยับตัวช้าเรียกว่ามัวทำงานอย่างอื่นอยู่ไม่ได้หันมองตลาดหุ้นไปซะหลายวัน หันกลับมาดูอีกทีหุ้นของหลายบริษัทก็ปรับราคาขึ้นไปแล้ว คำถามคือแล้วจะทำอย่างไรดี ต้องทนทำใจว่าช้าไปเสียแล้ว รอรอบใหม่ดีกว่าไหม เรื่องที่จะเล่าให้ฟังนี้อาจจะให้คำตอบเพื่อนๆ ได้

เพื่อนวิ่งไปแต่เรายังอยู่


ก่อนอื่นเลยต้องทำความเข้าใจก่อนว่าการ "ช้า" ในที่นี้หมายถึงด้านราคาของหุ้นเป็นหลัก ในขณะที่ราคาหุ้นหลายบริษัทขยับขึ้นไป ยังมีหุ้นอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งไม่ค่อยขึ้นกับว่าจะเป็นหุ้นของกลุ่มอุตสาหกรรมอะไร แต่เป็นกลุ่มที่ราคา ยืดยาด อืดอาด ขยับตัวช้ากว่าคนอื่นเขา หุ้นกลุ่มนี้คือหุ้นกลุ่มขยับตัวทีหลังหรือที่เรามักได้ยินเรียกว่ากลุ่ม laggard นั่นเอง โดยทั่วไปหุ้นที่เป็นกลุ่มตลาดราคาขยับตัวขึ้นหรือลงก่อนคนอื่นเขามักจะเป็นกลุ่มธนาคาร สถาบันการเงิน และ สำหรับในประเทศไทยก็อาจจะเป็นอุตสาหกรรมใหญ่ใหญ่ที่มีขนาดบริษัทตามราคาตลาดค่อนข้างสูงเช่นอุตสาหกรรมน้ำมันและสื่อสารเป็นต้น ส่วนหุ้นที่มีราคาอยู่ในกลุ่มเชื่องช้านั้นไม่สามารถบอกได้เลยขึ้นอยู่กับแต่ละรอบของการขึ้นลงของตลาด แต่เดี๋ยวนะ ก็ในเมื่อ "มือเก่าหัดขับ" เป็นนักลงทุนแนวเน้นมูลค่าหรือ VI แล้วมาสนใจอะไรกับราคาหุ้นที่จะขึ้นเร็วๆ ช้าๆ นี้ด้วยล่ะ ก็เพราะในบางแง่มุมมันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกันอยู่อย่างไรล่ะครับ

ทำไมมีผู้นำและผู้ตาม (ด้านราคาหุ้น)


เราอาจจะถามว่าทำไมถึงมีกลุ่มนำตลาดและกลุ่มเชื่องช้าที่ขยับปรับราคาทีหลังคนอื่นเขา เรื่องนี้มีความเป็นได้ทั้งด้านพื้นฐานและจิตวิทยาทางการตลาด ด้านพื้นฐานคือนักลงทุนต่างๆ มองว่าหุ้นกลุ่มนำตลาดจะได้รับผลประโยชน์โดยตรงจากการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจและได้ประโยชน์ในการลงทุนมากกว่า (เอากันจริงๆ อาจจะมองด้านของราคาที่ขยับขึ้นไปหรือ capital gain มากกว่าผลประโยชน์ทางการดำเนินกิจการจริงๆ ก็ได้) ในทางจิตวิทยาคือหุ้นกลุ่มนำตลาดที่ขยับตัวก่อนมักเป็นกลุ่มที่มีขนาดบริษัทตามราคาตลาด (market cap.) ใหญ่ นักลงทุนที่มีเงิน จำนวนมากสามารถหาซื้อได้ง่าย-ขายออกได้คล่อง ส่วนธุรกิจที่ได้ประโยชน์รองๆ และมีขนาดบริษัทเล็กลงมาก็จะค่อยปรับราคาตามกันไปทีหลัง

ข้อสังเกต


อย่างไรก็ตาม หากเพื่อนนักลงทุน ต้องการที่จะลงทุนในหุ้นของบริษัทที่ปรับราคาเชื่องช้ากว่ากลุ่มบางตลาดเขา ผมก็มีข้อสังเกตให้ไว้ดังนี้
  1. หุ้นกลุ่ม laggard มักเป็นหุ้นของบริษัทที่มีขนาดเล็กรองๆ ลงมา ทำให้นักลงทุนที่มีเงินทุนจำนวนมากให้ความสนใจน้อยลง และผู้ดูแลราคาสามารถดูราคาได้ง่าย การดูแลราคานี้ที่ว่านี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะดูให้ราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างเดียวแต่หมายความว่าดูไม่ให้ราคาเพิ่มขึ้นก็ได้เช่นกัน
  2. ราคาของหุ้นกลุ่ม laggard นี้ถึงจะขยับขึ้นก็มักจะขึ้นไม่มากเป็นสัดส่วนเดียวกันกับกลุ่มนำตลาดที่วิ่งเผ่นแน่บไปก่อนหน้า
  3. หุ้นกลุ่ม laggard อาจจะไม่ขยับขึ้นก็ได้ โดยโอกาสที่กลุ่มนี้จะปรับราคาสูงตามคนอื่นเขาไปมีประมาณ 50% เท่านั้น คือกว่าจะตัดสินใจว่าจะขึ้นราคาตามพรรคพวกเขาดีไหมก็ถึงคราวหมดรอบพอดี

การนำไปใช้งาน


เหล่านี้เป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นในระยะสั้น แน่นอนว่าในระยะยาวแล้วราคาของหุ้นย่อมสะท้อนผลประกอบการและการเจริญเติบโตของบริษัทนั้นๆ ทำให้เราซึ่งเป็นนักลงทุนสามารถรู้ทันและ สังเกตว่าตามปกติแล้วหุ้นของเราเป็นหุ้นแบบไหน เพราะถ้าเพื่อนถือหุ้นลงทุนระยะยาวแต่เป็นกลุ่มที่ราคาขยับเชื่องช้าสักหน่อย พอเพื่อนๆ ขยับราคากันไปแต่ของเราไม่ไปไหนจะพาลเข้าใจไปว่ากิจการไม่ดี (อย่าลืมว่าเราต้องแยกให้ออกระหว่างมูลค่าที่แท้จริงของกิจการ กับราคาหุ้นเสมอ) จะพาลขายของดีไป พอหันกลับมาดูอีกครั้งหุ้นของเราก็วิ่งขึ้นไปไม่กล้าซื้อคืนแล้ว นอกจากนั้นยังทำให้เลือกได้ว่าในช่วงเวลาต่างๆ ของสภาพตลาดหลักทรัพย์และของธุรกิจที่เราสนใจนั้นเราจะเลือกลงทุนในระยะสั้นหรือระยะยาวอย่างไรครับ