วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

แผนสำรองการลงทุน

แผนสำรองการลงทุน

ในการทำงานต่างๆ ล้วนต้องมีแผนสำรองทั้งสิ้น ในการลงทุนก็เช่นเดียวกัน คือมีแผนสำรอง และในกรณีนี้คือแผนสำรองในการลงทุนในหุ้นนั่นเอง คือ ยังไม่ได้หนีจากหุ้นไปไหนนะครับ

ทำไมต้องมีแผนสำรอง

แผนสำรองมักหมายถึงสิ่งที่เราต้องทำเมื่อแผนการหลักไม่ได้ผล หรือคิดคำนวณผิดพลาดไป บางครั้งแผนสำรองสามารถช่วยชีวิตหรือลดความเสียหายในการลงทุนได้มาก และบางครั้งก็สามารถให้ทางเลือกที่ดีกว่าได้ ตัวอย่างเช่น เราตัดสินใจซื้อหุ้นตัวหนึ่งแต่ความสามารถในการสร้างผลกำไรของบริษัทไม่ได้เป็นไปตามที่หวัง อย่างน้อยเราควรจะต้องขายหุ้นนั้นออกมาเป็นแผนสำรองเอาไว้ หรือขายแล้วนำเงินไปลงทุนกับหุ้นตัวสำรองที่เราคิดเอาไว้ล่วงหน้า หรือในกรณีที่่หุ้นที่เราซื้อมาแล้วราคาเพิ่มขึ้นเกินมูลค่าที่แท้จริงที่เราคิดเอาไว้ เราก็ควรขายหุ้นนั้นออกมา การมีหุ้นสำรอง (ที่ยังถูก) รอเอาไว้ลงทุนต่อจะทำให้เราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น (ถ้า ไม่ได้มีหุ้นหรือการลงทุนสำรอง เราอาจจะไม่ยอมขายออกมาแล้วถือหุ้นไว้จนกระทั่งกำไรหายไปมาก)

ตัวอย่างของแผนสำรอง
  • ซื้อหุ้นผิดราคา ทำอย่างไร (ขายออก เท่าไร รอซื้อกลับนานเท่าไร)
  • ซื้อแล้วหุ้นลง ทำอย่างไร (จะขายออกก่อนแล้วซื้อคืน หรือ ถือไว้เพราะซื้อน้อยแล้วค่อยซื้อเพิ่มจำนวนมากเมื่อหุ้นลงจนสุดแล้วเริ่มขึ้น)
  • หุ้นขึ้นเกินพื้นฐาน ทำอย่างไร (ขายออกเอาทุนคืน ที่เหลือเก็บไว้เป็นหุ้น เอาเงินเก็บไว้ หรือเอาเงินไปซื้อหุ้นสำรอง ต้องคิดเอาไว้)
  • มีการลงทุนอื่นที่ดีกว่าหรือไม่ (เราควรมีรายชื่อหุ้นใน watch list และติดตามการทำงานอยู่ในสายตาเสมอ บางครั้งเราสามารถปรับพอร์ตมาถือหุ้นเหล่านี้ที่เป็นการลงทุนที่ดีกว่าได้บ้าง

หัดแต่เริ่มแรก

เราควรหัดมีแผนสำรอง หุ้นสำรองเพื่อเป็นทางเลือกในการลงทุนตั้งแต่เมื่อพอร์ตยังมีขนาดเล็กๆ เพื่อสามารถสลับการลงทุนไปมาได้ โดยที่ต้องรู้ มูลค่า พฤติกรรมราคา และทุกอย่างที่ทำให้นักลงทุนแบบ VI อย่างเราตัดสินใจได้ จนแม้เมื่อพอร์ตใหญ่ขึ้น ก็ต้องมีหุ้นสำรองเพื่อการลงทุนเอาไว้เสมอ เพราะบางครั้งเมื่อหุ้นที่เราถือไว้แพงมาก แล้วเราขายไป (หรือแบ่งขายไป) จะได้รู้ว่าจะเอาเงินไปลงทุนอะไรที่ดีกว่า  ถ้าเราไม่มีหุ้นสำรองที่ดี เราอาจจะไม่ยอมขายเลย เอาเงินไปลงทุนผิด ซื้อหุ้นผิดตัว หรือกลับไปซื้อตัวเดิมที่แพงมาก (ถ้าซื้อแล้วขึ้นต่อเพราะราคายังไม่แพงก็ไม่ว่ากัน แต่ถ้าเป็นยอดดอยก็คงต้องขายตัดขาดทุนหนีกันซะเปล่าๆ ครับ)