เรารู้กันอยู่แล้วว่าการลงทุนนั้นมีหลายประเภท หนึ่งในการลงทุนที่มีความเสี่ยงน้อยก็คือการลงทุนแบบเน้นมูลค่า อย่างไรก็ตามก็ขึ้นกับนักลงทุนว่าทำอย่างไรในรายละเอียดซึ่งทำให้การลงทุนแบบเน้นคุณค่าก็มีความเสี่ยงต่างกันก่อนอื่นเราต้องพูดถึงคำว่าความเสี่ยงก่อน ถ้าเราบอกว่าความเสี่ยงคือการขาดทุนไม่ได้แม้แต่บาทเดียว แบบนั้นผมคิดว่าท่านควรออกจากตลาดหลักทรัพย์ไปเลยดีกว่า อย่ามายุ่งวุ่นวายให้นอนไม่หลับเสียสุขภาพจิตเปล่าๆ แต่ถ้าความเสี่ยงหมายความว่าโดยรวมแล้วเรายอมรับว่าการลงทุนบางอย่างได้กำไร การลงทุนบางอย่างขาดทุน แต่โดยรวมยังพอมีกำไรในระดับที่พึงพอใจ (หมายความว่าไม่ได้มากมายไปกว่าเงินฝากนัก) แบบนี้พอคุยกันได้ หรือนักลงทุนสามารถลงทุนแล้วรอเวลาหนึ่งที่นานพอสมควรที่ทำให้บริษัทเจริญเติบโตหรือราคาหุ้นสะท้อนความเป็นจริงของผลประกอบการออกมาหรือทั้งสองอย่างแบบนี้พอคุยกันได้
วีไอก็เสี่ยง
เพื่อนๆ นักลงทุนคงเคยได้ยินคำว่า "ทำอะไรก็เสี่ยง จะมากหรือน้อยเท่านั้นเอง" หรือ "แม้แต่อยู่เฉยๆ ยังเสี่ยงเลย" ดังนั้นถ้าจะบอกว่านักลงทุนแบบวีไอ (VI - Value Investor) ไม่มีความเสี่ยงแล้วล่ะก็ คงเป็นเรื่องเกินจริงไปสักหน่อย นั่นคือนักลงทุนแบบเน้นมูลค่า ก็อาจจะอยู่ในภาวะเสี่ยงได้ โดยสรุปแล้วสาเหตุของความเสี่ยงเหล่านี้ก็คือ
(1) คาดการณ์บริษัทผิด
อาจจะเกิดจากการไม่รู้จักบริษัทดีพอ หรือมีความซับซ้อนในโครงสร้างของรายได้ รายจ่าย และ/หรือโครงสร้างการบริหารงานสับสนเกินไป
(2) เผื่อ MOS ไม่เพียงพอ
ธุรกิจแต่ละชนิดมีความเสี่ยงต่างกัน มีความไม่แน่นอนด้วยสาเหตุที่ต่างกัน บางครั้งเราเผื่อ MOS ไม่เพียงพอสำหรับธุรกิจบางอย่างที่เราลงทุน อาจจะเพราะเราไม่เข้าใจความเสี่ยงในธุรกิจนั้นๆ หรือใจร้อนอยากซื้อมากเกินไป
(3) วางแผนการซื้อ-ขาย ผิด
การวางแผนในการซื้อขายเกี่ยวข้องกับการวางตำแหน่งราคาแรกที่จะซื้อ การขายตัดขาดทุน การซื้อคืนต่างๆ การแบ่งขายทำกำไร ถ้าเราทำสิ่งเหล่านี้ได้ถูกต้องก็จะทำให้ได้กำไรในที่สุด
ถ้านักลงทุนแบบวีไอสามารถคาดการณ์บริษัทได้ถูกต้อง กำหนดราคาที่มีส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยได้ดีพอ และวางแผนการซื้อขายได้ดี ก็อาจจะขาดทุนได้บ้างแต่เป็นจำนวนน้อยและน้อยครั้งกว่าการได้กำไร และเมื่อได้กำไร ให้ได้กำไรให้มากกว่าและบ่อยครั้งมากกว่าครั้งที่ขาดทุน ซึ่งในที่สุดแล้วเราจะได้กำไรและประสบความสำเร็จในการลงทุนครับ