สวัสดีครับเพื่อนๆ นักลงทุนทุกท่าน ผมเงียบหายไปหลายวันที่จริงแล้วก็ไม่ได้หายไปไหนหรอกนะครับ ผมยังคงลงทุนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์เป็นเพื่อนกับทุกท่านเช่นเคย ยังไม่ได้หนีไปไหนเพียงแต่ตลอดระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือนเศษๆ ที่ผ่านมาผมก็ได้แต่เฝ้าติดตามดูตลาดว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะนับจากปลายปีที่แล้วดัชนีตลาดหลักทรัพย์โดยรวมก็เพิ่มสูงขึ้นค่อนข้างมากจนถึงระดับที่ทะลุ 1800 จุด และทำ New High ไปเรื่อยจนถึง 1,838.96 จุดเมื่อวันที่ 24 มกราคม 2561 ซึ่งผมก็เริ่มรู้สึกจากสภาพเศรษฐกิจโดยรวมว่าไม่น่าจะสมเหตุผลเท่าไหร่นัก ในเวลานั้นก็เดาได้แต่เพียงว่ามีเรื่องของเงินจากนักลงทุนที่ลงทุนในกองทุนและได้ปรับประโยชน์ทางภาษีจึงซื้อหน่วยลงทุน LTF และ RMF ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้าตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างมากประกอบกับอาจจะมีความคาดหวังเกี่ยวกับการเลือกตั้งในปี 2561 จึงทำให้นักลงทุนต่างชาติอาจจะช่วยโอกาสเข้ามาดันหุ้นขึ้นไปด้วย ส่วนความคิดเกี่ยวกับ January Effect (คือการคาดหวังว่านักลงทุนต่างชาติจะนำเม็ดเงินมาซื้อหุ้นในช่วงต้นปี แล้วทำให้ดัชนีเพิ่มสูงขึ้น) นั้นไม่ได้อยู่ในความคาดเดา (ขอใช้คำว่าคาดเดา เนื่องจากผมเองไม่เคยคาดหวังว่าดัชนีตลาดจะเป็นไปในทิศทางใดอยู่แล้ว) เอาเสียเลยเริ่มผันผวน
จนเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมามีสิ่งกระตุ้นสองอย่างคือข่าวคราวเกี่ยวกับการเลือกตั้งที่ยังไม่แน่นอนและการประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐอเมริกาเองได้รับผลกระทบดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวจากจุดสูงสุดในระยะสั้นเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561 ที่ 25,207.77 จุดลงมาที่ 23,425.13 จุดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2561 ในขณะที่บ้านเราก็มีผลเช่นกัน (ดูเหมือนจะเกิดขึ้นล่วงหน้าด้วยซ้ำไป อาจจะเพราะดัชนีเราสูงเกินความสมเหตุสมผลของนักลงทุนต่างชาติแล้วก็ได้) ทำให้ดัชนีทดถอยจาก 1,827.35 จุดเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ ไปที่ 1,786.45 จุดเมื่อ 9 กุมภาพันธ์ 2561
ซึ่งถ้าจะว่าตามความเป็นจริงแล้วในความรู้สึกและความคาดคะเนโดยส่วนตัวของผม (เน้นว่าโดยส่วนตัวนะครับ) พื้นฐานของประเทศเราหากไม่มีการเลือกตั้งไม่น่าจะมีดัชนีที่สูงเกิน 1700 จุดไปได้สักเท่าไรนักการที่เพิ่มสูงขึ้นทะลุ 1800 จุดไปนั้นไม่น่าจะเป็นเรื่องที่เป็นไปตามพื้นฐานของประเทศ แน่นอนว่าธุรกิจใหญ่คงสามารถทำกำไรได้อยู่แต่การเพิ่มของกำไรไม่น่าจะเกินร้อยละ 10 ไปได้ไกลสักเท่าไร
การลงทุนในปี 2561
คราวนี้มาถึงเรื่องที่ว่าเราจะลงทุนอย่างไรในปี 2561 นี้ผมคิดว่าปีนี้หากไม่มีการเลือกตั้งคงเป็นปีที่ทรงๆ คือโดยรวมแล้วไม่ได้แย่ลงแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้น การหวังได้กำไรจากภาพรวมหรือการลงทุนดัชนีอาจจะไม่ประสบความสำเร็จมากนักยกเว้นผู้ที่อาศัยการแกว่งตัวของดัชนีต่างๆ ในระยะสั้น แต่นั่นคือการเก็งกำไรระยะสั้นหรือการซื้อขายผลิตภัณฑ์ทางการลงทุนซึ่งอาจจะไม่ถือเป็นการลงทุนในธุรกิจผ่านตลาดหลักทรัพย์ ก็คงต้องตัดออกไปจากนิยามของส่วนของการลงทุน ตลอดปีนี้ผมคิดว่าคงมีการผันผวนของดัชนีค่อนข้างมากในช่วงระหว่าง 1650 ถึง 1800 จุด ธุรกิจที่น่าลงทุนคงเป็นธุรกิจพื้นฐานเกี่ยวกับอาหารและการส่งออกอาหารธุรกิจรับเหมาก่อสร้างซึ่งต้องพิจารณาเป็นรายตัวว่าราคาของหุ้นของธุรกิจเรานั้นเหมาะสมหรือไม่และหลังจากที่ปิดงานแล้วได้กำไรจริงหรือไม่ ไม่ใช่ว่าเมื่อมีข่าวว่าได้งานหุ้นก็ขึ้นไปสูงมากครั้งหนึ่ง พอปิดจ๊อบคำนวนสิ่งต่างๆแล้วกลับกลายเป็นได้กำไรนิดเดียวหรือขาดทุนแบบนั้นก็ไม่ไหวเหมือนกัน อีกธุรกิจหนึ่งที่น่าสนใจคือการท่องเที่ยวและการขนส่งน่าจะเป็นธุรกิจที่ทำกำไรและเติบโตได้ อย่างไรก็ตามในฐานะที่เป็นนักลงทุนแนวเน้นมูลค่าของกิจการที่แท้จริงเราก็จะต้องคำนวณก่อนว่าราคาที่เราจ่ายไปนั้นถูกหรือแพงเกินพื้นฐานไปหรือไม่อย่างไร
สุดท้ายนี้ก็ขอให้นักลงทุนทุกท่านประสบความสำเร็จเหมือนเช่นเคยมีความสุขในการลงทุนและอย่าโลภจนเกินสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพราะมันจะสร้างความทุกข์ให้กับตัวเราเอง และต้องจำไว้ว่าการคาดหวังในสิ่งที่เป็นการฉกฉวยผลประโยชน์จากผู้อื่นจนเกินไปนั้นก็เป็นบาปกับตัวเราเองไม่ว่าเราจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แล้วพบกันใหม่ในเดือนต่อไปนะครับขอบคุณครับ